ปมระเบิดทั่วกรุง ซ้ำรอย 7 จว.ใต้ตอนบน : ชกไม่มีมุม
ปมระเบิดทั่วกรุง ซ้ำรอย 7 จว.ใต้ตอนบน – นอกจากระเบิดนับสิบจุดทั่วเมืองกรุงจะเขย่าขวัญชาว กทม.กันไปถ้วนหน้าแล้ว ที่โดนแรงสั่นสะเทือนไปด้วยก็คือพรรคพลังประชารัฐ เจ้าของสโลแกนหาเสียงตอนเลือกตั้งที่ว่า เลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกฯ จะได้ความสงบ ไม่มีเสียงปืนเสียงระเบิด
โดนย้อนศรในโลกออนไลน์ เอาคลิปเอาข้อความมาแพร่ซ้ำว่อนไปหมด
คงไม่มีใครสะใจดีใจไปกับเหตุรุนแรงเช่นนี้แน่ๆ เพียงแต่เป็นการตั้งคำถามว่า ที่คุยเอาไว้นั้นมันเป็นจริงหรือไม่!?
ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้ก็ต้องมีปมประเด็นมีสาเหตุที่นำมาสู่สถานการณ์เช่นนี้ด้วย
ต้องยอมรับและต้องแก้ไขในส่วนของรัฐบาลเองด้วย!
แต่ดูเหมือนสิ่งที่คนในรัฐบาลบางคน เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางราย และกองเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ทำกันทันทีหลัง สิ้นเสียงระเบิดก็คือ โทษขั้วการเมืองตรงข้าม
พูดง่ายๆ ก็โยนให้ทักษิณอีกนั่นแหละ
แต่ข้อเท็จจริงในทางคดี ที่ได้จากการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้รวดเร็ว
ด้วยฝีมือทีมสืบสวนของตำรวจยุคพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา
จากการสืบด้วยกล้องวงจรปิดที่เห็นคนนำระเบิดมาหย่อนที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสร็จแล้วเดินไปไหน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งแท็กซี่ไปขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิตเพื่อกลับภาคใต้
เลยสกัดจับได้กลางทาง ชัดเจนว่าเป็นเด็กหนุ่มจากพื้นที่ไฟใต้!
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจุดที่ไล่กล้องวงจรปิด แล้วตามสอบพยาน พบว่าส่วนใหญ่ขึ้นรถทัวร์จากหาดใหญ่ มาก่อเหตุเสร็จก็ขึ้นรถทัวร์กลับใต้ทันที บ้างก็พูดภาษาในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้
ค่อนข้างชัดแล้วว่า ระเบิดทั่วกรุงหนนี้ น่าจะมาจากการขยายปฏิบัติการเพื่อตอบโต้รัฐ จากพื้นที่ไฟใต้นั่นเอง
เหมือนกับที่เคยเกิดเหตุเมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2559 ใน 7 จังหวัดใต้ตอนบน
ตอนนั้นหัวหน้าม็อบนกหวีดไม่รอช้า ออกมาซัดใส่ขั้วการเมืองตรงข้ามทันที
แต่สุดท้ายคดีก็ชัดเจนทั้งหมดว่าขึ้นมาจากพื้นที่ไฟใต้!!
เพื่อแสดงการต่อต้านรัฐธรรมนูญ ในประเด็นด้านศาสนา จนคสช.ต้องออกประกาศแก้ไขข้อความในรัฐธรรมนูญในที่สุด
พยานหลักฐานจากเหตุระเบิดป่วนกรุงในเย็นวันที่ 1 และเช้าวันที่ 2 ส.ค. บ่งบอกว่าร่องรอยมาจากพื้นที่ชายแดนใต้เช่นกัน
ยอมรับความจริง แล้วรีบปรับแก้นโยบายดับไฟใต้
นโยบายทางการเมืองในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดใต้ของรัฐบาลนั่นแหละที่มีปัญหา จนนำมาสู่การระเบิดตอบโต้
อย่ามัวแต่เอาซากระเบิดมาโยนใส่พรรคการเมืองตรงข้ามอยู่เลย!
วงค์ ตาวัน