วิเคราะห์การเมือง
ถามว่าเป้าหมายและความต้องการของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาตอบคำถามในลักษณะชี้แจงในกรณีของ “คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น” คืออะไร
1 ต้องการสร้างความกระจ่าง
เป็นความกระจ่างในทาง “กฎหมาย” เพราะว่า นายวิษณุ เครืองาม ถือได้ว่าเป็นรองนายกรัฐมนตรีทางด้านกฎหมาย
1 ต้องการทำให้กรณี “คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น” ยุติ
เพราะเมื่อได้ “มือกฎหมาย” ระดับ นายวิษณุ เครืองาม ออกมาอรรถาธิบาย เท่ากับเปิดทางสะดวกอย่างชนิด “ไฟเขียว” ผ่านตลอด
เรื่องที่ดูเหมือนจะยุ่งเหยิงยิ่งกว่าฝอยขัดหม้อ ก็จะ “เรียบโร้ย”
ไม่เพียงแต่ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา จะสบายใจเกษียณจากราชการอย่างมีความสุข หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะถอนหายใจได้ด้วยความโล่งอก
แล้วทุกอย่างเป็นไปตาม “เป้าหมาย” หรือไม่
หากจับจาก “ปฏิกิริยา” ในทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลก “ออนไลน์” ดูเหมือนจะมิได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้
ตรงกันข้าม กลับยิ่งสร้างความคลางแคลงใจ
ไม่เพียงแต่คลางแคลงใจต่อการเกิดขึ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัดในบ้านพัก ณ ค่ายเอกาทศรถ จังหวัดทหารบกพิษณุโลกเท่านั้น
หากยังเป็นความคลางแคลงใจต่อหลักแห่ง “นิติธรรม” ของ นายวิษณุ เครืองาม อีกด้วย
ข้อสังเกตจาก นางรสนา โตสิตตระกูล ซึ่งสร้างชื่อจากการปราบคอร์รัปชั่นในกระทรวงสาธารณสุข นับว่าแหลมคม โดยระบุว่าเป็นคำอธิบายในแบบ “รูล บาย ลอว์” คือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือของเผด็จการ เอาไว้บังคับคนอื่นไม่บังคับกับพวกตัวเอง
“น้ำเสียง” นี่ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เมื่อเกิดกรณี “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” ตามมาด้วยกรณี “คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เข้ามา “แจม” อย่างฉับพลันทันใด
ในฐานะที่ถูกรุกไล่ตั้งแต่หลัง “รัฐประหาร”
“ทุกอย่างที่นายกฯ ยืนยันออกมาจากปากท่านว่า การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคดีดิฉันเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้ง”
“ก็อยากให้นายกฯ ใช้หลักคิดและให้เป็นธรรมกับดิฉันเหมือนที่ท่านให้ความเป็นธรรมและปกป้องน้องชายของท่าน เพราะกฎหมายมีไว้บังคับใช้กับทุกคน ไม่ใช่เลือกปฏิบัติกับฝั่งดิฉันเพียงฝ่ายเดียว”
ตรงกับสูตร รูล บาย ลอว์ อันมาจาก นางรสนา โฆษิตตระกูล
เป็นอันว่า นางรสนา โฆษิตตระกูล ยืนเรียงเคียงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นหนแรก
ประเด็นเกี่ยวกับ “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” เมื่อประสานเข้ากับ “คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น”
ก็มากด้วยความแหลม ก็มากด้วยความอ่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดขึ้นในยุคที่มีการเสนอคำขวัญ “จุดไฟ ปราบโกง” ดังกึกก้องไปทุก 4 มุมเมือง
เหมือนกับส่องไป “ที่อื่น” ไม่ส่องกับ “คนใกล้ตัว”
