คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ปักหมุดแก้ 112 – พรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไขกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน รวม 5 ฉบับ รวมทั้ง 112

แน่ละ กว่าจะได้บรรจุเข้าวาระการประชุม คงอีกนาน และในสถานการณ์ปัจจุบันคงไม่มีใครคิดฝันว่า ร่างแก้ไข 112 จะผ่านสภาผู้แทนราษฎร มิพักต้องพูดถึง 250 ส.ว.

แต่ก็เป็นการปักธง ปักหมุดทางความคิด ตอบรับกระแสคนรุ่นใหม่ ซึ่งไปไกลถึงยกเลิก 112 ด้วยซ้ำ แต่พรรคก้าวไกลแก้ไขตามหลักการ คือยกเลิกโทษจำคุก ในความผิดหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป แล้วเห็นว่าพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐ ต้องได้รับการคุ้มครองพระเกียรติเหนือประชาชนทั่วไป จึงให้มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท

โดยให้ยกเว้นความผิดกรณีแสดงความเห็นโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมทั้งป้องกันไม่ให้ใช้กลั่นแกล้งกัน ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์

ข้อเสนอครั้งนี้ น่าสังเกตว่า มีประเด็นยกเลิกโทษจำคุก ในความผิดดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ให้เหลือแต่โทษปรับ ซึ่งเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล เพราะการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ควรแลกด้วยการเอาไปจำคุก หลายประเทศจึงยกเลิกโทษจำคุก ให้ไปเอาผิดกันทางแพ่ง

ขณะที่ความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูหมิ่นศาล ก็เป็นมรดกตกทอดรัฐขุนนาง ที่เห็นข้าราชการมีเกียรติยศศักดิ์ศรีเหนือประชาชน ควรปรับให้เป็นคนเท่ากัน

การแก้ไข 112 ประเด็นสำคัญคือลดโทษจาก 3-15 ปีเหลือไม่เกิน 1 ปี ซึ่งถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วยแต่ต้องการ Compromise สามารถแปรญัตติจากร่างของพรรคก้าวไกล ให้ลดโทษเหลือ 7 ปีเหมือนก่อน 6 ตุลา 2519 หรือ 3 ปีเหมือนสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ย่อมได้

แต่รู้กันว่าไม่มีทาง การแสดงความจงรักภักดีในสังคมไทย ต้องคลุ้มคลั่ง “เก้าอี้ฟาด” เอาโทษให้หนักและอำมหิตเข้าไว้ ในประเทศนี้ คุณจะเป็นนักการเมืองชั่วมาจากไหน ถ้าท่องคาถา “จงรักภักดี” เหมือนเสี่ยโป้ ก็มีแต่คนซาบซึ้งน้ำตาไหล

ก่อนปี 49 ที่ขอ ม.7 ที่รัฐประหารอ้าง “หมิ่นเหม่” มีใครสนใจ 112 หรือเปล่า ก็ไม่ค่อยมี แต่หลังจากนั้น เกิดปรากฏการณ์ดาหน้า ไม่แยแสว่าโทษหนักแค่ไหน จนบอกว่าพักใช้ แล้วกลับมาใช้ใหม่

112 จึงไม่ใช่อาวุธวิเศษ ยิ่งทำให้เกิดแรงต้าน ถูกชาวโลกวิพากษ์วิจารณ์ แต่รัฐไทยไม่แยแส UN ไม่ใช่พ่อ เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุชัดแสดงความกังวล ตาเฒ่าดอนก็อ้างหน้าตาเฉยเหมือนทุกครั้งว่าฝรั่งเข้าใจ ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเพราะอย่างนี้เอง มีความสามารถพิเศษในการพูดเองเออเอง

ชาวโลกช่างมันก็ได้ ถ้าคิดว่ายังไงๆ เขาก็ต้องง้อเมืองไทย แต่ชาวโลกใหม่ที่เป็นคนไทยนี่สิ จะอยู่กับเขาอย่างไร

การที่พรรคก้าวไกลยื่นแก้ 112 แม้หนทางยังยาวไกล ความเป็นไปได้ยังน้อยนิด แต่ก็คือการอาสาเป็นผู้แทน “ชาวโลกใหม่” กระชับจุดยืน จากตอนก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร แสงกนกกุล คิดว่าจะต้องพึ่งคะแนนทุกฝ่ายต้านประยุทธ์สืบทอดอำนาจ ประกาศไม่แตะ 112 แต่สถานการณ์ทุกด้านก็เปลี่ยนแปลงไปเกินความคาดหมาย

พรรคก้าวไกลกล้ารุกอย่างไม่กลัวถูกยุบพรรค เพราะมั่นใจว่าจะกลับมาด้วยฐานเสียงแน่นหนา ถ้าดูคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.คณะก้าวหน้า แม้ถูกเย้ยหยันว่าแพ้บ้านใหญ่ แต่ 42 จังหวัด มีคนเลือกพวก “หนักแผ่นดิน” 2.6 ล้าน ไม่นับ กทม.และบางจังหวัดที่ยอมหลีกทาง ประเมินได้ว่ามีฐานเสียงที่มั่นคง ไม่เปลี่ยนใจ ไม่ว่าจะถูกโจมตีเพียงไร ทั้งประเทศไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน

ดราม่าช่วงต้น อาจทัวร์ลงที่ 9 ส.ส.ไม่ลงชื่อ นั่นคือมวลชนรู้สึกเป็นเจ้าของพรรคยิ่งกว่า ส.ส. แม้มี dilemma ว่าพรรคการเมือง นักการเมือง ไม่สามารถเป็นทุกอย่างให้เธอ จะมีความหงุดหงิดไม่ได้ดังใจอยู่เสมอ แต่ยังดีกว่าเข็นไม่ขึ้น ผลักไสเท่าไหร่ก็ไม่สู้

อันที่จริง พรรคก้าวไกลยังนำเสนอประเด็นอื่นที่ดึงประชาสังคมเป็นแนวร่วม เช่น การยกเลิกโทษจำคุกฐานหมิ่นประมาท การแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้เอาผิดอาชญากรไซเบอร์หรือพวกต้มตุ๋นเท่านั้น เป็นการเอื้อเสรีภาพสื่อ เสรีภาพประชาชน ตัดโอกาสกลั่นแกล้งกัน ตัดการฟ้อง slap ที่สื่อมวลชน NGO หรือประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประโยชน์สาธารณะ มักโดนหน่วยงานรัฐหรือบริษัทยักษ์ใหญ่ฟ้องปิดปาก (เช่นฟาร์มไก่ฟ้องนักข่าว)

ที่สำคัญยังเพิ่มกฎหมายเอาผิดตำรวจ อัยการ ผู้ว่าคดี ฐานบิดเบือนความยุติธรรม ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยไม่มี ทำให้ใช้อำนาจยัดข้อหาได้ง่าย ไม่ว่าม็อบหรือชาวบ้านทั่วไป

นี่เป็นเกมวัดใจที่ยังยาว แต่ปักหมุดไว้ก่อนกลางอก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน