ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
กระแสการปรับครม.กำลังเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป เพราะเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานว่างลงแล้ว 1 ที่ แถมมีข่าวว่าผลจากการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีหลายรายเรื่องถือหุ้นในบริษัท เอกชนเกิน 5% จะส่งผลให้รัฐมนตรี 3 ราย ต้องได้รับผลกระทบ
อาจจะมีเก้าอี้ว่างเพิ่มอีก 3 กลายเป็น 4
ดังนั้นการปรับครม.ต้องมีแน่นอน
ยิ่งกรณีถูกตรวจสอบถือหุ้นเกินนั้น ยิ่งจำเป็นต้องปรับล่วงหน้า ก่อนที่จะกลายเป็นคดี ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียหายโดยรวมต่อรัฐบาล
แต่ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เวลานี้ มีทั้งการคาดหมาย และมีทั้งก่อกระแสเรียกร้อง ให้ต้องปรับครม. กันครั้งใหญ่
โดยหวังจะให้มีการปรับปรุงทีมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
เพราะสภาพปากท้องชาวบ้านในวันนี้ บ่งบอกว่าจำเป็นเต็มทีแล้วต้องแก้ไขกันครั้งใหญ่!
จะเห็นได้จากนักการเมืองแห่ง 2 พรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น นักการเมืองทำงานใกล้ชิดชาวบ้านตลอด พากันเน้นย้ำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงมือล้างทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ
เนื่องจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำกันเป็นแถว
ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำกปปส. ที่ร่วมขบวนการหยุดประชาธิปไตย ทำให้รัฐบาลทหารออกมาปกครองบ้านเมือง
วันนี้เริ่มเห็นผลแห่งการกระทำนั้นแล้ว!!
กล่าวคือรัฐบาลทหาร ย่อมถนัดเรื่องความมั่นคง เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ยากที่จะถนัดในการแก้ไขราคาสินค้าการเกษตร
ยิ่งกปปส.ย่อมยากจะอธิบายมวลชนปักษ์ใต้ที่ ร่วมกันลงแรงจนได้รัฐบาลนี้มา แล้วราคายางอยู่แค่ 30-40 บาท!?!
ดังนั้นนักการเมืองภาคใต้ จึงออกโรงกดดันให้เน้นปรับรัฐมนตรีเกษตรฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์โดยตรง
ส่วนท่าทีของนายกฯ นั้น แม้ยอมรับว่าต้องปรับครม.แน่ๆ แต่ขอเวลาคิดดูก่อน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ
แน่นอนว่าคงต้องคิดหนัก การจะปรับเพื่อลดสัดส่วนทหารลงไป ลดภาพรัฐบาลทหารลงไป
ย่อมจะกระทบเพื่อนพ้องรุ่น 12 ซึ่งคงต้องคิดหนักแน่ๆ!
ไปๆ มาๆ ก็ไม่ชัดว่าจะปรับแบบไหน ปรับแล้วแก้ไขเศรษฐกิจได้หรือไม่
นี่คือความเป็นจริงของบ้านเมือง หลังจากที่เฮกันออกมาล้มรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่เลือกวิธีรักษาประชาธิปไตยแล้วไปช่วยกันลงคะแนนเลือกตั้งไล่รัฐบาลที่เห็นว่าไม่ควรบริหารบ้านเมืองอีกต่อไป
เพราะเมื่อไม่รักษาประชาธิปไตย ก็จะได้รัฐบาลที่เข้ามารักษาความสงบ เสริมอาวุธเข้มความมั่นคง
ขาดความรอบด้านในการบริหารซึ่งต้องมีครบทุกมิติ
ผ่านมากว่า 3 ปี คงมีบทเรียนชัดขึ้น ถึงผลของการไม่รักษาประชาธิปไตยเอาไว้!
