คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

จากที่เคยโทร.หาครอบครัวทุกวัน จู่ๆ ช่างสน ช่างรับเหมาก่อสร้างวัย 42 ปี ก็หายไปติดต่อไม่ได้นานเกือบสิบวัน กระทั่งญาติมาตามที่บ้านที่ทำงานอยู่จึงกลายเป็นจุด เริ่มต้นของคดีสยองบางเสาธง

ตร.คุมทำแผนฯ

เรื่องราวสยองถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 17 ก.ค. หลัง พ.ต.อ.คมสิทธิ์ รังไสย รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.ศุภศักดิ์ โปรียานนท์ ผกก.สน.บางเสาธง พ.ต.ท.สวัสดิ์ ภักดี รอง ผกก.สส.บกน.7 พ.ต.ท.ธนวรรธณ์ เพิ่มพูล สว.สส.สน.บางเสาธง ร.ต.ท.ปรวุฒิ ส้มแป้นหวาน รอง สว.(สอบสวน) สน.บางเสาธง พร้อมฝ่ายสืบสวนกก.สส.บกน.7 และฝ่ายสืบสวนสน.บางเสาธง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เข้าตรวจสอบเหตุพบศพถูกฝังไว้ใต้พื้นบ้าน ภายในคฤหาสน์หรูในซอยบางเชือกหนัง 7 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

ที่เกิดเหตุเป็นคฤหาสน์หรูพื้นที่ราว 4 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด แบ่งเป็น 2 โซน ส่วนที่เกิดเหตุอยู่โซนที่กำลังสร้างบาร์กาแฟขนาดใหญ่ จุดเกิดเหตุอยู่ใต้พื้นบ้าน 2 ชั้นด้านในสุด พบศพ นายสิทธิโชค หรือช่างสน สาโรจน์ อายุ 42 ปี ชาว ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี นอนหงายอยู่ใต้พื้นบ้านที่ทรุดสูงประมาณ 30 ซ.ม. สวมผ้าขาวม้าผืนเดียว ถูกห่อด้วยผ้าม่านสีครีม ปิดบังด้วยแผ่นคอนกรีตสำเร็จก่อนโบกปูนทับอีกครั้งและเอาฟูกที่นอนพิงกำแพงตัวบ้านไว้อีกชั้น

นายจะหวะจนมุม

เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งช่วยกันขุดดินให้ลึกขึ้น แล้วเอาแผ่นพลาสติกสอดเข้าไปใต้ศพแล้วลากออกมาอย่างทุลักทุเล จากการตรวจสอบบาดแผลพบที่ใบหน้าถูกตีจนเละกะโหลกศีรษะเปิด หน้าแข้งซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ ไม่พบทรัพย์สินมีค่า เสียชีวิตมาแล้วราว 8-9 วัน

จุดฝังอำพรางศพ

 

นายสุวิทย์ สาโรจน์ อายุ 40 ปี น้องชายผู้ตาย ให้การว่า ผู้ตายเป็นผู้รับเหมาต่อเติมบ้าน เป็นคนจ.กระบี่ แต่ไปได้ภรรยาอยู่ จ.กาญจนบุรี จึงโอนทะเบียนบ้านไปอยู่ที่นั่น ปกติพี่ชายจะโทรศัพท์กลับไปหาญาติที่กระบี่ทุกวัน แต่ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.ที่ ผ่านมา ซึ่งทางญาติก็รู้ว่าพี่ชายทำงานอยู่ที่บ้านหลังนี้ จึงปรึกษากันและเข้าแจ้งความคนหายไว้ที่ สน.บางเสาธง เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้พาฝ่ายสืบสวนสน.บางเสาธง เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ในบ้านไม่มีคนงานเหลืออยู่แล้ว

ตอนนั้นได้กลิ่นเน่าโชยมาเป็นระยะ แต่กลิ่นก็หายไป จึงเดินทางกลับ และญาติได้ไปหาหมอดูที่นับถือในจ.กาญจนบุรี หมอดูบอกว่า ศพอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุ ถูกฝังดินไว้ใกล้กับต้นกล้วยริมกำแพง แต่ให้จุดธูป 9 ดอก เพราะเจ้าที่ที่นี่แรงมาก แล้วจะเจอศพ ช่วงสายตนก็ชวนฝ่ายสืบสวนเข้าไปในบ้านอีกครั้ง แล้วลองไปจุดธูปริมกำแพงใกล้ต้นกล้วยตามที่หมอดูทัก ปรากฏว่าหลังจากธูปหมดดอก ก็ได้กลิ่นเน่าของศพโชยออกมาอย่างแรง แมลงวันก็บินมาเกาะตรงที่ถูกโบกปูนไว้ ตำรวจจึงใช้ค้อนทุบปูนออก จึงได้พบศพพี่ชายดังกล่าว ซึ่งตนงงมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่รู้ว่าพี่ชายมีเรื่องกับใคร

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. บินสอบปากคำ

หลังพบศพตร.ตรวจสอบจนทราบว่าก่อนหายตัวไป กลางดึกวันที่ 8 ก.ค. ผู้ตายนั่งดื่มเหล้าอยู่กับคนงาน 4 คน มีนายโย นายวัฒน์ นายรุ่ง และนายจะหวะ ลาหู่เมอเนอ หรือฉายา พงษ์เทิดไท เป็นชาวลาหู่ จากพื้นที่สูงใน จ.เชียงราย แต่ในบริเวณที่นั่งดื่มไม่มีกล้องวงจรปิด โดยหลังเกิดเหตุนายจะหวะหายตัวไป

ชุดสืบสวนนำตัว 3 คนงาน ประกอบด้วยนายธีรวัฒน์ หรือวัฒน์ สุขราช อายุ 26 ปี และนายกิตติศักดิ์ หรือ โย เหวยซือ อายุ 48 ปี และนายทรงพล หรือรุ่ง ต๊ะปิง อายุ 47 ปี มาสอบเค้นจนกระทั่งทั้ง 3 คนยอมเปิดปากรับสารภาพว่า นายจะหวะ เป็นคนลงมือฆ่าผู้ตาย สาเหตุมาจากทะเลาะกับผู้ตายเรื่องค่าแรง ก่อนใช้มีดดายหญ้าฟันเข้าที่คอ 2 ครั้งจนแน่นิ่งไป จากนั้นใช้จอบที่เตรียมไว้ฟันที่ศีรษะจนกะโหลกศีรษะเปิด

ขณะที่นายวัฒน์และนายรุ่งถูกบังคับให้ช่วยนำศพไปฝังอำพราง ส่วนนายโย เมาหลับไปก่อนจึงไม่รู้เห็นด้วย หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันหลบหนี จนกระทั่งมาถูกตำรวจควบคุมตัวได้ โดยเจ้าหน้าที่เสนอศาลอนุมัติหมายจับข้อหาร่วมกันอำพรางซ่อนเร้นศพ ก่อนนำตัวขอ ฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี

ต่อมาวันที่ 21 ก.ค. ตำรวจตระเวนชายแดนร่วมกับทหาร ปูพรมตรวจสอบพื้นที่บ้านหัวแม่คำ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ท่ามกลางฝนที่กำลังตกหนัก พบบริเวณอาคารร้างใกล้ชายแดนมีร่องรอยคนเข้าไปหลบซ่อน จึงใช้สุนัขดมกลิ่นเข้าตรวจสอบ และกระจายกำลังค้นหา กระทั่งพบนายจะหวะ จึงจับกุมพร้อมเตรียมส่งตัวกลับมาดำเนินคดี

พิรยุทธ์ นิ่มนนท์, ชาญพงษ์ บุญอุทิศ, อดิศร จิตตเสวี

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน