คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนไปเมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ค.2564 ที่บริเวณป่าริมถนนระหว่างหมู่บ้านสหกรณ์ 6 กับ บ้านแม่ตะไคร้ ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 19 ถึง 20 บ้านสหกรณ์ 6 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่

พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ และ สภ.แม่ออน จ.เชียงใหม่

ควบคุมตัวนายนวฤทธิ์ วณิชจินดา อายุ 37 ปี ชาว ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ชี้จุดที่ทิ้งศพ น.ส.ผ่องศรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี ชาว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมตรวจสอบเก็บหลักฐานที่จุดเกิดเหตุ และเก็บศพของน.ส.ผ่องศรี ที่อยู่ในสภาพเน่าขึ้นอืด เพื่อนำไปชันสูตร ก่อนมอบให้ครอบครัว

ต้นสายที่นำมาสู่ปลายเหตุของคดีนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ลูกสาวของน.ส.ผ่องศรี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ว่า แม่หายตัวไปจากคอนโดมิเนียมที่พักย่านถนนช้างคลาน ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. และ ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อมาสอบถามนิติบุคคลที่คอนโดฯ พบว่าเมื่อ วันที่ 11 ก.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. มีรถยนต์ตู้ ทะเบียน ฮจ 1536 เชียงใหม่ สีขาว มารับน.ส.ผ่องศรีออกไป และไม่ได้กลับมาอีก จึงเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับแม่

หลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่จึงสืบสวนพบว่ารถยนต์ตู้ทะเบียน ฮจ 1536 เชียงใหม่ สีขาว มีนายนวฤทธิ์ วณิชจินดา อายุ 37 ปี ชาว ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เป็นเจ้าของรถ

โดยตรวจสอบการเดินทางของรถตู้คันดังกล่าวพบว่ามีการ เดินทางในวันที่ 11 ก.ค. พบว่าเวลา 10.13 น. ออกจากคอนโดฯ ไปตามสถานที่ต่างๆ และจุดสุดท้ายที่รถตู้คันดังกล่าวเดินทางไปคือ ร้านอาหาร ที่บ้านป๊อก ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ จนกระทั่งเวลา 22.46 น. รถตู้ คันดังกล่าวกลับมายังคอนโดฯ แต่ไม่มี น.ส.ผ่องศรีกลับมาด้วย

ต่อมาวันที่ 16 ก.ค. เวลาประมาณ 13.00 น. ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ตรวจสอบพบว่านายนวฤทธิ์ พร้อมรถยนต์ตู้กำลังเดินทางอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จึงประสาน สภ.เมืองเชียงรายเข้าตรวจสอบและเชิญตัวมาพบที่ สภ.เมืองเชียงราย

จากนั้นประสานกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์ หลักฐานเชียงใหม่ ตรวจพิสูจน์รถยนต์ตู้ และรับตัวนายนวฤทธิ์มาสอบปากคำที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ พบว่ามีพิรุธ ให้การไม่ตรงกับ ข้อเท็จจริงในหลายๆ จุด จึงเปิดข้อมูลพยาน หลักฐานประกอบการสอบปากคำ

พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บังคับ การสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมสอบสวนกระทั่งนายนวฤทธิ์ยอมรับสารภาพว่า ในระหว่างทางกลับจากร้านอาหารมาตามถนนสายแม่ออน-แม่ตะไคร้ จอดรถยนต์ตู้บริเวณป่าริมถนนระหว่างหมู่บ้านสหกรณ์ 6 กับบ้านแม่ตะไคร้ ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 19 ถึง 20 บ้านสหกรณ์ 6 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ แล้วชวนน.ส.ผ่องศรีลงจากรถเพื่อจะมาตกลงเกี่ยวกับเรื่องการโทรศัพท์ติดต่อกัน

นายนวฤทธิ์อ้างว่ามีความสัมพันธ์กันกับน.ส.ผ่องศรี แต่ฝ่ายหญิงชอบโทร.มาหาขณะนายนวฤทธิ์อยู่กับครอบครัว แต่ ไม่สามารถตกลงกัน จึงใช้มีดปอกผลไม้ แทงจนตาย ก่อนลากศพทิ้งลงป่าข้างทาง

หลังได้คำสารภาพ ตำรวจรีบคุมตัว นายนวฤทธิ์ไปชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งก็พบศพ น.ส.ผ่องศรีอยู่ตรงจุดดังกล่าวจริงๆ

รอง ผบก.สส.ภ.5 กล่าวว่า คดีนี้เทียบเคียงได้กับคดีฆาตกรรมเศรษฐินียัดตู้เย็น ทิ้งศพไว้ในบ้านพัก ในพื้นที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปีก่อน โดยผู้ก่อเหตุเป็นคน ใกล้ชิดที่ขับรถให้กับเศรษฐินีจนเกิดความ ไว้เนื้อเชื่อใจ แต่สุดท้ายก็ฆ่าเศรษฐินีเพราะประสงค์ต่อทรัพย์สิน ซึ่งตำรวจเชื่อว่า นายนวฤทธิ์น่าจะมีปัญหาทางการเงิน แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร จึงลงมือฆ่าและหลังก่อเหตุก็ไปค้นหาทรัพย์สินภายในห้องพักของผู้ตาย

ส่วนที่ระบุว่าสนิทสนมเชิงชู้สาวกับผู้ตายมานานกว่า 5 ปี แต่ภายหลังต้องการจะตีจาก จนผู้ตายโทรศัพท์หาบ่อยครั้งทำให้ครอบครัวมีปัญหา เชื่อว่าน่าจะเป็นแค่คำกล่าวอ้างของนายนวฤทธิ์ แต่แท้จริงแล้วต้องการประสงค์ต่อทรัพย์ โดยหลังก่อเหตุนายนวฤทธิ์เดินทางมายังคอนโดมิเนียมของผู้ตาย ก่อนรื้อค้นทรัพย์สินนำตู้เซฟไป แต่อ้างว่าภายในไม่มีทรัพย์จึงนำไปโยนทิ้งในอ่างน้ำ ซึ่งตำรวจไปงมหาตู้เซฟมาได้แล้ว แต่ยังเปิดไม่ได้ จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้งว่ามีทรัพย์สินของ ผู้ตายสูญหายหรือไม่

สาเหตุอาจยังไม่ชัด แต่งานนี้ ตร.มั่นใจคนร้ายไม่ผิดตัวแน่

กฤษณะ เชิญธงไชย
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน