แฟ้มคดี

 

กลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกหน

สำหรับอุบัติเหตุรถทัวร์ 2 ชั้นเบรกแตก แหกโค้ง พุ่งชนข้างทางที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18 ศพ บาดเจ็บอีก 32 คน

และเมื่อสอบสวนอย่างละเอียด ก็พบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุเสียทีเดียว

เมื่อผลการตรวจปัสสาวะของโชเฟอร์ออกมาเป็นสีม่วง และเจ้าตัวยอมรับว่าเสพยาบ้ามาก่อนขับรถ!??

จึงกลายเป็นประเด็นที่ผู้มีอำนาจต้องออกมาแอ๊กชั่น ให้สำรวจตรวจสอบความพร้อมของคนขับ

ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก!??

แต่แม้จะป้องกันเพียงใด ผ่านมาเพียงสัปดาห์ก็เกิดเหตุสลดอีก เมื่อรถทัวร์เช่าเหมาคันรับส่งพนักงานชาวเมียนมา เกิดไฟไหม้คลอกทั้งคันรถ

จนมีผู้เสียชีวิตถึง 20 ราย

ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้นคาดเกิดจากการทิ้งก้นบุหรี่ในรถ

เป็นงานหนักของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่จะต้องทำงานให้หนักขึ้น เพื่อลดการสูญเสีย

โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง

ระทึกบัสมรณะเซ่น 18 ศพ

อุบัติเหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 มี.ค. เมื่อรถทัวร์ 2 ชั้น ไม่ประจำทาง ทะเบียน 30-0161 กาฬสินธุ์ ของบริษัท กันเองทัวร์ จำกัด ซึ่งนำกลุ่มผู้ประกอบกิจการโรงสีข้าวขนาดเล็กในพื้นที่ ต.ห้วยโพธิ์ และ ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ไปเที่ยวพักผ่อนที่ จ.จันทบุรี

เมื่อเสร็จจากท่องเที่ยวก็ถึงเวลากลับบ้าน แต่เมื่อถึงโค้งมะกรูดหวาน ถนนทางหลวงสาย 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นทางโค้งลงเขายาว รถคันดังกล่าวกลับเบรกไม่อยู่ พุ่งชนบ้านและเพิงร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนน เสียหลักพลิกคว่ำพังยับเยิน

ความสนุกสนานที่มีมาก่อนวินาทีนั้น กลายเป็นความโหดร้ายเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของผู้บาดเจ็บ

หลังจากศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) รับแจ้งเหตุก็ประสานเจ้าหน้าที่จากร.พ.วังน้ำเขียว ร.พ.ปักธงชัย ร.พ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร.พ.กรุงเทพราชสีมา และร.พ.มหาราชนครราชสีมา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ

หลังเหตุการณ์คลี่คลายพบมีผู้เสียชีวิตรวม 18 ศพ เป็นชาย 5 ราย หญิง 13 ราย ส่วนใหญ่เป็นเครือญาติและครอบครัวเดียวกันที่เดินทางมาเที่ยวพร้อมกันเกือบทั้งหมด

โดยสาเหตุเบื้องต้นพบว่าน่าจะเกิดจากระบบเบรกมีปัญหา เนื่องจากผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตระบุว่าก่อนอุบัติเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร ได้กลิ่นเหม็นไหม้ จากนั้นก็มีคนในรถตะโกนว่ารถเบรกไม่อยู่ เบรกแตก

ก่อนที่รถพุ่งลงเนินอย่างรวดเร็ว แล้วปีนข้ามแท่งปูนกั้นเกาะกลางถนน พุ่งข้ามไปยังถนนอีกเลน ชนเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ และร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมทาง 5 ร้านพังยับเยิน

ขณะที่นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี คนขับรถคันดังกล่าว ถูกตรวจสอบพบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง และยอมรับว่าเสพยาบ้ามาก่อน จึงแจ้ง 4 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส

2.ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 3.ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และ 4.เสพยาเสพติดขณะขับรถ พร้อมส่งตัวฝากขังที่เรือนจำนครราชสีมา

ไม่เพียงแค่นั้นยังแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทกันเองทัวร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ ในความผิดตามพ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522 มาตรา 40 ทวิ ในเรื่องการปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมดูแล โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท

เอาผิดในทุกระดับ

ไฟคลอกอีกสยอง 20 ราย

เหตุการณ์บัสมรณะผ่านไปเพียง 1 สัปดาห์ แม้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการทุกมาตรการที่ทำได้แล้ว เหตุสลดก็ยังคงเกิดซ้ำอีกจนได้

ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 30 มี.ค. โดยสภ.แม่ท้อ อ.เมือง จ.ตาก รับแจ้งเหตุรถบัสโดยสารเกิดไฟไหม้ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย บนทางหลวงหมายเลข 12 แม่สอด-ตาก ก.ม.ที่ 60 หน้าอุทยานตากสินมหาราช ขาเข้าเมืองตาก

ที่เกิดเหตุพบรถบัสโดยสาร ทะเบียน 10-3824 นครสวรรค์ ของบริษัทลาดยาวบริการ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เป็นรถพัดลม ชั้นเดียว มีนายบัญฑูร วิฑูร เป็นคนขับ สภาพถูกไฟลุกไหม้เสียหาย มีผู้เสียชีวิต 20 ราย เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 18 คน และมีผู้หนีรอดจากเหตุสยองครั้งนี้ได้ 27 คน 1 ในนั้นบาดเจ็บสาหัส

สอบสวนพบว่าทั้งหมดเป็นแรงงานชาวเมียนมา ที่เดินทางผ่านด่านพรมแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ที่เดินทางมาทำธุระเรื่องใบอนุญาตทำงาน กำลังจะเดินทางกลับไปทำงานกับนายจ้างที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี

โดยนายบัญฑูร คนขับ เปิดเผยว่า ขณะที่ขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ ก็เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นจากห้องเก็บของที่อยู่ด้านล่าง ติดกับบันไดขึ้นชั้นบน โดยไฟลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว พอเห็นดังนั้นก็รีบจอดรถแล้วเปิดประตูทั้ง 2 ฝั่ง ที่อยู่กลางตัวรถ และประตูฉุกเฉิน ผู้โดยสารก็พากันหนีออกมา บางคนทุบกระจกกระโดดออกจากหน้าต่าง แต่มีผู้โดยสาร 20 คนสำลักควัน หมดสติ ออกมาไม่ได้ สุดท้ายถูกไฟคลอกดับทั้งหมด

นายบัญฑูรระบุอีกว่า ก่อนเกิดเหตุได้กลิ่นเหมือนมีคนสูบบุหรี่ เมื่อตะโกนถามก็ไม่มีใครรับ จนกระทั่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น

และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบร่องรอยการเกิดไฟจากวัตถุที่มีความร้อน ตกใส่เป้ภายในรถจนลุกไหม้โหมขึ้นมาจากห้องเก็บของใกล้ประตูทางออก ทำให้ผู้โดยสารหนีออกมาไม่ได้ ต้องออกทางหน้าต่าง

เป็นอีกครั้งกับความสูญเสีย

ล้อมคอก-เลิกต่อทะเบียน

เมื่ออุบัติเหตุเกี่ยวกับรถโดยสารเกิดขึ้นถี่ยิบ ยิ่งเกิดคำถามถึงการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ได้กำชับในที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ให้กระทรวงคมนาคมดูแลความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง

ต้องตรวจสภาพรถให้พร้อม คนขับต้องปราศจากสารเสพติดและแอลกอฮอล์

รวมทั้งให้ปรับเปลี่ยนเรื่องของรถทัวร์ 2 ชั้น ซึ่งกระทรวงคมนาคม จะดำเนินการยกเลิกการจดทะเบียนรถโดยสาร 2 ชั้น ซึ่งเป็นรถใหม่ทั้งหมดในหมวด 30 หรือรถโดยสารไม่ประจำทางที่วิ่งระยะทางไกล

ส่วนรถปัจจุบันให้ใช้จนกว่าจะสิ้นอายุ แต่จะไม่ต่อทะเบียนให้อีก รวมทั้งให้ไปศึกษาว่าเส้นทางไหนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อาทิ เส้นทางที่เป็นภูเขาลาดชัน ให้เป็นพื้นที่ห้ามวิ่งของรถทัวร์ 2 ชั้น

ทั้งนี้มีรถทัวร์ 2 ชั้นที่จดทะเบียนอยู่ประมาณ 7 พันคัน แบ่งเป็นรถหมวด 30 ประมาณ 5 พันคัน ที่เหลือเป็นรถที่วิ่งประจำ ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นรถชั้นเดียวทั้งหมด

ขณะที่ผลการวิจัยของศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย พบว่ารถโดยสาร 2 ชั้น มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและอัตราการเสียชีวิตสูงกว่ารถโดยสารชั้นเดียวถึง 6 เท่า เมื่อเทียบกับอัตราการเกิดอุบัติเหตุรถโดยสารที่จดทะเบียนชนิดเดียวกัน

ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่อนุญาตให้รถโดยสาร 2 ชั้น ออกมาวิ่งบนถนนได้

และที่ผ่านมามีความพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็เกิดอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนกลายเป็นคำถามว่าถึงเวลาต้องจริงจังกับเรื่องดังกล่าวได้หรือยัง

1.แหกโค้ง 18 ศพ ที่วังน้ำเขียว /2.ทัวร์ไฟลุก /3.เผาเหยื่อทัวร์มรณะ /4.โชเฟอร์ตีนผี 18 ศพ

ย้อนเหตุสยองทัวร์ 2 ชั้น

สำหรับอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจากรถทัวร์ 2 ชั้น ย้อนไปใกล้ที่สุดก็เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2560 รถบัส 2 ชั้น ทะเบียน 30-1027 อุบลราชธานี พานักเรียนจากโรงเรียนพังทุยพัฒนศึกษา อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ที่เพิ่งสอบเสร็จ ไปทัศนศึกษาที่ จ.จันทบุรี

เกิดอุบัติเหตุเสียหลักชนแผงกั้นคอนกรีต ตกไปในเหวฝั่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว ก.ม.208 บ้านวังใหม่ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รถแหลกทั้งคัน โดยที่เกิดเหตุเป็นทางคดเคี้ยวลงเขายาว คาดว่าสาเหตุเกิดจากเบรกแตก

เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นครู 4 คน และนักเรียน 2 คน บาดเจ็บร่วม 30 คน

อีกเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำ วันที่ 24 มี.ค. 2557 รถทัวร์ 2 ชั้น ทะเบียน 31-5633 กทม. รับคณะชาวบ้าน จากเทศบาลตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เกิดเบรกแตกขณะลงเขาชันความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ที่ดอยรวก เส้นทางสาย 105 ตาก แม่สอด ขาเข้าเมืองตาก พุ่งชนราวคอนกรีตกั้นไหล่ทาง ตกเหวที่ลึกกว่า 100 เมตร

เจ้าหน้าที่ต้องไต่เขาลงไปช่วยเหลือกู้ภัยด้วยความยากลำบาก เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน

วันที่ 28 ก.พ. 2557 สภ.วังแดง อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งเหตุรถทัวร์ 2 ชั้น สีขาว หมายเลขทะเบียน 30-0427 ขอนแก่น เป็น รถเช่าเหมา พานักเรียนโรงเรียนบ้านดงหลบ จ.นครราชสีมา มาทัศนศึกษาที่หาดจอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี

เกิดอุบัติเหตุเบรกแตกเสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ อีซูซุ ทะเบียนพ่วงแม่ 84-9179 หมายเลขพ่วงลูก 84-9272 นครราชสีมา เหตุเกิดระหว่าง หลักก.ม.42-43 หมู่ 4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ช่วงทางลงจากภูเขาระหว่างอุทยานแห่งชาติทับลานกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

มีผู้เสียชีวิต 14 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 40 คน

วันที่ 23 ก.ค.2556 รถทัวร์วีไอพี ของบขส. สายร้อยเอ็ด-กทม. ทะเบียน 14-5994 กทม. พุ่งชนประสานงารถพ่วง 18 ล้อที่ขับมาจากจ.สระบุรี มุ่งหน้าไป อ.มวกเหล็ก หลับในข้ามเลนมา ที่ถนนมิตรภาพ ระหว่างก.ม.ที่ 19 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

จนเป็นเหตุให้เกิดไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารหนีไม่ทันถูกไฟคลอกดับถึง 19 ศพ บาดเจ็บ 20 ราย

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถทัวร์ 2 ชั้น

ซึ่งต้องทบทวนกันอย่างจริงจัง ไม่ให้เกิดความสูญเสีย ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน