“รุก กลางกระดาน”
ถูกนำมาวิเคราะห์เป็นบทเรียนกันยกใหญ่ สำหรับการเลือกตั้งในมาเลเซีย ที่พรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน นำโดย มหาเธร์ โมฮัมหมัด ชนะการเลือกตั้ง โค่นพรรคอัมโน ของนายนาจิบ ราซัก ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลตลอด 61 ปีลงได้
พร้อมเริ่มต้นรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมภารกิจสะสางเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นที่ เป็นเรื่องที่ค้างคาอยู่
แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านตามระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งการยอมรับผลการเลือกตั้งจากรัฐบาลที่พ่ายแพ้ครั้งนี้
จึงอดไม่ได้ที่จะถูกนำมาเทียบเคียงกับสถานการณ์ในประเทศไทย
ที่สภาวการณ์ในปัจจุบัน มีจุดเริ่มต้นจากการไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ใช้โอกาสที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสนอพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นโอกาสสำคัญปลุกระดมประชาชน
จนถึงขั้นที่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็ยังคงเป่านกหวีด ชัตดาวน์ประเทศ อ้างปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
เปิดโอกาสให้ทหารรัฐประหาร มี นายกฯจากกองทัพ บริหารประเทศมาแล้ว 4 ปี
ซึ่งไม่รู้ว่าปฏิรูปเรียบร้อยกันแล้วหรือไม่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันชัดเจนมีเลือกตั้งก.พ.62 หรืออีก 9 เดือนนับจากนี้แน่นอน
เมื่อรวมกับท่าทีที่เดินสายครม.สัญจรถี่ยิบ พบปะนักการเมืองระดับตำนานสารพัดสีอย่างไม่กลัวข้อครหา รวมทั้งการอนุมัติงบประมาณลงพื้นที่จำนวนมาก
ก็พอจะเห็นได้ว่าการเลือกตั้งคงจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้แน่นอน
เพียงแต่คาดหวังว่า หลังจากที่ประเทศต้องชะงักงันไป 4 ปี เพียงเพราะการไม่เคารพกติกา ไม่ฟังเสียงประชาชน
มาครั้งนี้คงจะได้สติ ฉุกคิด คำนึงถึงเหตุและผลขึ้นมาบ้าง
ยิ่งประเทศเพื่อนบ้านแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านตามระบอบประชาธิปไตยแล้วด้วย
ส่วนหลังจากเลือกตั้งแล้ว หากฟากฝั่งที่นิยมประชาธิปไตยได้รับชัยชนะจากเสียงของประชาชน
ภารกิจแรกก็คือต้องขจัดสิ่งยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
จัดระเบียบให้เรียบร้อย ไม่ให้ออกมาเกะกะวุ่นวายเหมือนอย่างที่เป็นมา
ไม่ให้เกิดขบวนการล้มประชาธิปไตยซ้ำแล้วซ้ำเล่า!??