“รุก กลางกระดาน”
น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับท่าทีของพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีต่อรัฐธรรมนูญ 2560
ไม่เพียงแค่พรรคเพื่อไทย หรือพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศจุดยืนว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยม จะประกาศว่าจะรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ พร้อมนำมาเป็นสัญญาประชาคมในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่กำลังจะเกิดขึ้น
แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูจะ มีความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพและ รัฐบาลทหาร ยังยอมรับต่อสาธารณะว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา
ถือเป็นจุดร่วมที่พรรคการเมืองใหญ่อย่าง เพื่อไทยและประชาธิปัตย์เห็นร่วมกัน
เพราะแม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะถือว่ามีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
หากนับจากเงินค่าจ้างคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 2 ชุด ตั้งแต่ของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ จนมาถึง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ รวมไปถึงค่าทำประชามติ
รวมกันแล้วเกิน 3 พันล้านบาท!??
แต่จำนวนเงินเหล่านี้ ก็เทียบไม่ได้หากปล่อยให้กติกาดังกล่าวคงอยู่ในสังคม และจะกัดกร่อนให้ประเทศชาติเสียหายยิ่งไปกว่าเดิม
โดยปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข ก็คือหลักการ ว่านายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ต้องเป็น ผู้เสนอตัวต่อประชาชน
ไม่ใช่อีแอบ ที่ใช้แผนหมกเม็ดรวมเสียง ในสภา ซึ่งหมายถึงส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง
รวมทั้งกรณีของกรรมการองค์กรอิสระ ที่กำหนดเงื่อนไขการสรรหา และคุณสมบัติ ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งไว้เป็นการเฉพาะ
จนผลการสรรหา ก็จะได้คนหน้าเดิมๆ หรือไม่ก็อยู่ในวังวนเก่าๆ ดังเช่นที่เป็นอยู่
ซึ่งก็เห็นเป็นประจักษ์อยู่แล้วว่าการทำงานไต่สวนคดีฝ่ายตรงข้ามรวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม
แต่พอคดีของพวกตัวเองกลับช้าจน เต่ากัดยาง!??
หรือกระทั่งการตั้งกรรมการยุทธศาสตร์ ชาติ ที่เลือกบรรดาผู้อาวุโส มามีหน้าที่ควบคุมรัฐบาล เปรียบเสมือนรัฐซ้อนรัฐ
ทั้งที่คนเหล่านี้ในอนาคตอันสั้น การตั้งใจไม่ให้ปัสสาวะเปื้อนกางเกงตัวเอง ยังเป็นเรื่องยาก
แล้วจะมานั่งคุมรัฐบาล คุมอนาคตประเทศที่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
จะไปทำได้อย่างไร
แค่สิ่งเหล่านี้ก็เห็นแล้วว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มีปัญหา
แล้วอยากย้ำเตือนความทรงจำ ว่าพวกไหน กลุ่มไหน ช่วยกันสร้างสถานการณ์จนมาถึงขนาดนี้
ก็อย่าไปเลือก อย่าให้โอกาสกลับเข้ามาทำชาติพังอีก