“รุก กลางกระดาน”
ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง สำหรับเอกสารของสภ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เรื่องการสั่งจัดกำลังอารักขา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ที่เดินทางไปสำรวจรับฟังโครงการพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ และโรงสีไฟฟ้าชีวมวล ในพื้นที่ อ.สุวรรณภูมิ
มีการแบ่งกำลังอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องรถนำขบวนประจำแต่ละจุด เพื่อให้การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
แม้จะสงสัยว่าในขณะที่คสช.ยังไม่ได้ปลดล็อกทางการเมือง การเดินสายเพื่อทำกิจกรรมเช่นนี้จะเข้าข่ายความผิด หรือไม่
แต่หากพิจารณาจากความแนบแน่นสนิทสนมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ตามที่นาย สุเทพเคยกล่าวอ้างไว้ในที่สาธารณะ ต่างกรรมต่างวาระ
แน่นอนว่าการทำกิจกรรมครั้งนี้คงไม่เกิดปัญหาใดๆ
นอกจากนี้แม้การวิจารณ์เรื่องการจัดกำลังอารักขาจะมีมาก แต่ก็พอเข้าใจได้ถึงความกดดันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เพราะหากดูพฤติกรรมในอดีต ก็ ไม่แปลกใจที่จะสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งไม่เฉพาะในภาคอีสาน
ไม่ว่าจะเรื่องที่นายสุเทพ ดำรงตำแหน่ง ผอ.ศอฉ.ในช่วงปี 2553 ที่สลายการชุมนุมจนมีคนตายกลางเมืองกว่า 99 ศพ
การสนับสนุนขับไล่รัฐบาลที่มา จากการเลือกตั้ง โดยใช้วิธีขนคนลงมา บนถนน
ปิดสถานที่ราชการ เกิดเหตุการณ์มือปืนยิงถล่มคนกลางสี่แยก ก่อเป็นเงื่อนไขให้เกิดการปฏิวัติ
จนเกิดรัฐบาลคสช.ทำงานมา 4 ปี มีคนถูกดำเนินคดีจากความเห็นต่างจำนวนมาก จนถึงขณะนี้ก็ยังมีคนถูกจับกุมคุมขังอยู่
หากตำรวจดูแลไม่ดี แล้วมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องวุ่นวายขึ้นมาอีก
และแน่นอนว่าในอนาคต กลุ่มคนเหล่านี้ก็ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ต้องมีคนคอยดูแลอารักขา หมดโอกาสจะเดินถนนคนเดียวอย่างอิสระเสรี
หากยังไม่ลดละเลิกพฤติกรรม ทำนองนี้
ก็คงต้องอยู่อย่างหวาดผวาตลอดอายุขัยที่เหลืออยู่แน่นอน