“รุก กลางกระดาน”

เป็นข่าวเล็กๆ ที่น่าสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับการผลักดันนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ผ่านการแถลงอย่างจริงจังของท่านรัฐมนตรีสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

ที่เดินหน้าโครงการไทยซีเล็ค หรือการมอบตราสัญลักษณ์ให้กับร้านอาหารในประเทศไทย

เพื่อรับรองว่าเป็นร้านอาหารที่มีรสชาติไทยแท้ มีอัตลักษณ์ท้องถิ่น หรืออาหารประจำถิ่น

ขยายขอบเขตจากแต่เดิมที่มอบให้กับร้านอาหารไทยในต่างประเทศ

เพื่อหวังจะโปรโมตให้กับนักท่องเที่ยว ว่าร้านที่ได้สัญลักษณ์นี้ เป็นอาหารที่มีรสชาติไทยแท้ ใช้วัตถุดิบไทย บริการแบบไทย

อ่านแล้วก็ชวนให้สงสัยว่า แล้วจริงๆ อาหารไทย ที่ว่าเป็นไทยแท้ๆ นั้น มีอะไรกันบ้าง

เพราะเท่าที่ผ่านปากผ่านท้อง ก็เป็นอาหารที่มีวัฒนธรรมร่วม หรือเปลี่ยนแปลงกลับกลายจากวัฒนธรรมอื่นแล้วทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานด่วน อย่างผัดกะเพรา ที่บางตำราระบุว่า เป็นชาวจีนดัดแปลงจากแกงเผ็ดใส่ใบกะเพรา มาผัดใส่กระทะกับเนื้อสัตว์

เพิ่งเกิดมาเมื่อก่อนปี 2500 นี่เอง!??

สูตรการทำก็ปรับเปลี่ยนกันไปตามกาลเวลา สมัยนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เพิ่มทั้งถั่วฝักยาว แครอต ข้าวโพดอ่อน

แล้วอันไหนกันแน่ที่เป็นไทยแท้?

ยังไม่ต้องนับพวกก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว ที่ชื่อก็บ่งบอกที่มาว่ามาจากเจ๊กจีนแน่ๆ

ลาบ น้ำตก ส้มตำ หากมาตีตรา ?ไทย? เพื่อนบ้านลาวก็คงมองตาปริบๆ

จะเอาอาหารในบทร้อยกรอง อย่าง ?มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง? ก็มีที่มาจากมลายู

รวมทั้งแกงใส่กะทิทั้งหลายแหล่ก็ล้วนปรับใช้มาจากวัฒนธรรมอื่นทั้งนั้น

หรือจะเอาข้าวหอมมะลิ ก็ไม่ใช่แค่ไทยแน่ๆ แต่เป็นวัฒนธรรมร่วมกันของภูมิภาคอินโดจีน

แน่นอนว่าอาหารแต่ละภูมิภาคย่อมมีเอกลักษณ์เฉพาะ แต่มันกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะเอาเรื่องประชาชาติไปกำหนด

เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ ก่อนจะเดินหน้าโครงการที่ต้องใช้เงินจากภาษีประชาชน

แล้วทำให้กลายเป็นเรื่องชวนหัวกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง

ไม่รู้ว่าคิดไม่ทัน คิดไม่ถึง

หรือกินอิ่มแล้วไม่มีอะไรจะทำกันแน่!??

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน