คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รุก กลางกระดาน
ไม่ได้เหนือความคาดหมายใดๆ สำหรับการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติยกมือพรึบด้วยคะแนน 168 ต่อ 0 งดออกเสียง 5 เสียง
ผ่านพ.ร.บ.ดังกล่าวในวาระที่ 3 จ่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
แม้ก่อนหน้านี้จะมีประชาชนกว่า 3 แสนรายชื่อลงชื่อคัดค้าน พร้อมยื่นให้สนช.พิจารณา
แต่สุดท้ายเสียงสนช. 168 เสียงที่แต่งตั้งจากคสช. ก็ใหญ่กว่าประชาชน 3 แสนเสียงอยู่ดี
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยมองว่า เราต้องทนอยู่ในภาวะที่เสี่ยงจะถูกคุกคามสิทธิเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์
หนำซ้ำยังมีโอกาสถูกดำเนินคดีอาญาได้อีก หากถูกมองว่ามีการโพสต์ข้อความหรือนำเข้าข้อมูลสู่ระบบที่บิดเบือน
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่า”บิดเบือน”ที่ว่านั้น คือ”บิดเบือน”จากความจริงของใคร
รวมทั้งเราจะได้คณะกรรมการกลั่นกรองควบคุมเว็บไซต์ 9 คน จากแต่เดิมมีแค่ 5 มาทำหน้าที่แบนเว็บไซต์ต่างๆ หากรู้สึกว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือกระทบต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
ทั้งที่ไม่ได้ผิดกฎหมายเลยก็ตาม
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ เพราะในสภาพการณ์ที่เสียงประชาชนไม่มีความสำคัญ
คนที่กุมอำนาจรัฐ และมือไม้ ก็ พร้อมจะทำได้ทุกอย่างโดยไม่มีความ ละอายใดๆ นัก
สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่จดชื่อคนเหล่านั้นเอาไว้ และหวังว่าความยุติธรรมคงจะมีจริงในโลกใบนี้
อย่างไรก็ตามก็ได้แต่คิดเล่นๆ ว่าถึงแม้รัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร จะไม่ใส่ใจเสียงประชาชนทั้ง 3 แสนเสียงที่แสดงออก
แต่เมื่อใดที่เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง เสียงเหล่านี้ก็จะกลับมามีพลังขึ้นอีก
ดังนั้นหากพรรคการเมืองใดประกาศนโยบายที่จะล้มเลิกพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับนี้ ก็น่าจะได้ 3 แสนคะแนนไว้ตุนในกระเป๋าแน่ๆ
นอกจากนี้ก็ยังหวังว่าเสียงประชาชนเหล่านี้ จะร่วมลงโทษพวกนักการเมืองที่สนับสนุนให้เกิดสภาพจำทนเช่นนี้
ให้สูญพันธุ์จากการเมืองไทยชั่วนิรันดร์
ก็คงจะดีไม่น้อย