“รุก กลางกระดาน”
ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง สำหรับถ้อยคำของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แห่งรัฐบาลคสช.
ที่ตอบโต้พลพรรคนักการเมือง ที่เห็นว่า การปลดล็อกให้หาเสียงได้ในเดือนธ.ค.2561 เพื่อจะมีการเลือกตั้งช่วงก.พ.62
รวมเวลาทำนโยบายและหาเสียงประมาณ 70 วัน มันไม่เพียงพอกับทำงาน
จนกระทั่งท่านรองนายกฯ ออกไอเดียสวนกลับระบุหาก 70 วันไม่เพียงพอ ก็จะให้เป็น 150 วัน
ยืดการเลือกตั้งไปเป็นพ.ค. 2562
ทีนี้ก็เลยยุ่งไปกันใหญ่ แต่ละพรรคการเมืองก็จำเป็นต้องออกมาขานรับเงื่อนเวลาของคสช. แม้จะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมนักก็ตาม
กลายเป็นประเด็นคำถามว่า เอาเข้าจริงแล้ว ถ้ามีการเลื่อนเลือกตั้ง ผลกระทบจะตกอยู่กับใครมากกว่ากัน
เพราะต้องเข้าใจด้วยว่าต่างชาติเองก็จับตามองดูสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
ทุกครั้งที่คำสัญญาของผู้นำรัฐบาล และหัวหน้าคสช.ออกจากปากไป เขาจดจำ และไม่ลืมว่ามีกี่ครั้งแล้วที่ไม่ได้เป็นไปตามที่พูด
หากเลื่อนกันอีกครั้ง ก็เป็นหน้าที่ของคสช.ต้องชี้แจงแถลงไข ซึ่งก็น่าเห็นใจที่จะยกเหตุผลอะไรอีกร้อยแปดไปแสดง
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยความเคลื่อนไหวของกลุ่มก้อนทางการเมืองต่างๆ ที่เดินหน้าดูดกันอย่างไม่บันยะบันยัง
แถมยังเป็นกลุ่มที่ประกาศยืนเคียงข้างรัฐบาลลุงตู่ หากปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไป จะมีผลอะไรหรือไม่
เพราะต้องไม่ลืมว่าความภักดีนั้น ก็มีราคาที่ต้องจ่าย!??
แถมยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอีกหลายๆ ปัจจัย ทั้งจากภายในและภายนอก ที่กำลังจะถาโถมเข้ามาสู่รัฐบาลและคสช.
เอาแค่ตอนนี้คสช.กุมอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่หรือเปล่า ก็คงจะตอบไม่ได้เต็มปากเต็มคำนัก
การประวิงเวลาออกไป ก็เปรียบเหมือนวิกาลยาวนาน ความฝันยุ่งเหยิง
จนในที่สุดบทสรุปที่ออกมาอาจจะผิดจากความคาดหวังไว้จนผิดรูปผิดแบบ
แต่หากคิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีผลอะไร ไม่มีใครจะสั่นคลอนความมั่นใจที่มี
จะลองเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งดูอีกสักที
ก็น่าสนใจไม่หยอกเหมือนกัน