คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รุก กลางกระดาน
ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับ การดำเนินคดีกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่จนแล้ว จนรอดก็ยังไม่สามารถได้ตัว
ทำให้เข้าใจได้ว่าเหตุใดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ถึงห้ามทั้งตำรวจและดีเอสไอพูดเรื่องคดีเหล่านี้
เพราะหนีไม่พ้นอย่างที่พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ออกมาชี้แจงว่า กลัวจะถูกมองว่าเจ้าหน้าที่รัฐไร้น้ำยา!??
แต่กระนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่หยุดนิ่ง ยังคงเดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง
โดยระหว่างวันที่ 14-16 ธ.ค. วัด พระธรรมกายโดนคดีแล้วถึง 158 คดี
ทั้งสร้างกำแพง สร้างอาคาร ทำถนน ตั้งโรงงาน จัดเดินรถโดยสาร ฯลฯ
เรียกได้ว่าผิดกันสารพัดพ.ร.บ.
จริงๆ แล้วก็ต้องสนับสนุน เพราะตามหลักของกฎหมายใครทำผิดก็ต้องรับโทษ ถูกดำเนินคดี
เพียงแต่ผู้คนในสังคมเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดคดีพวกนี้ถึงพุ่งพรวดมาในช่วง 3 วัน
ทั้งที่การดำเนินการของวัดพระธรรมกายก็มีมาก่อนหน้านี้ บางกรณีอาจยาวนาน ถึง 20 ปี
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามีการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ ให้กระทำใดๆ ได้ตามอำเภอใจหรือไม่
โดยเฉพาะเทศบาลต่างๆ ที่แห่กันมาเป็นเจ้าทุกข์ ก่อนหน้านี้ทำไมถึงเงียบสงัด เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรมาก่อน
หน่วยงานเหล่านี้ถือว่าผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่
เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบต้องเข้ามาจัดการ และทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ให้พวกเช้าชามเย็นชาม หรือเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เหล่านี้อยู่ต่อไปได้
นอกจากนี้ ยังชวนให้คิดถึงคดีความต่างๆ เอาแค่ในกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นพระเหมือนกัน
ที่ออกอาละวาดปิดที่นั่นที่นี่ ไถเงินโรงแรมเอกชน ตั้งด่านป้องกันกรวยเสียจนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
มีเจ้าหน้าที่ที่ไหนเข้าไปดำเนินคดีอย่างเอาจริงเอาจังอย่างนี้บ้าง
อย่าให้ชาวบ้านเขาครหากันได้ว่าใช้กฎหมายกลั่นแกล้งคนที่ไม่ใช่พวก
และอย่าลืมว่าคำว่า “2 มาตรฐาน” นี่แหละ ที่ทำให้ประเทศมาถึงจุดนี้
คงไม่มีใครอยากเห็นเช่นนี้แน่