คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
นับเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า
สำหรับเหตุการณ์รถตู้โดยสารสายกรุงเทพฯ-จันทบุรี ที่บรรทุกผู้โดยสารเต็มคันรถ ที่จะเดินทางกลับกทม.
แต่กลับเกิดอุบัติเหตุ เสียหลักข้ามเลน พุ่งชนรถปิกอัพของชาวบ้านที่บรรทุกคนเต็มคันเช่นกัน จนเกิดประสานงา แล้วไฟลุกท่วมรถทั้งสอง
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 25 คน
ซึ่งแน่นอนว่าการตรวจสอบหาต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้ ต้องดำเนินไปอย่างรอบคอบและเป็นธรรม
อย่างไรก็ตามเท่าที่ฟังจากคำให้การของผู้รอดชีวิตที่นั่งอยู่บนรถตู้เพียงคนเดียว บอกว่าขณะที่นั่งอยู่ รถก็หักหัวเอียงเข้าเกาะกลาง ข้ามเลนไปชนกับปิกอัพ
เมื่อรวมกับข้อมูลจากขนส่งจังหวัดจันทบุรี ที่ระบุว่าคนขับรถคันดังกล่าวขับรถไปกลับถึง 5 เที่ยว ใน 31 ชั่วโมง
ก็น่าเชื่อว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากการหลับใน เพราะพักผ่อนน้อยนั่นเอง
ทำให้ต้องตั้งคำถามถึงความเข้มงวด การตรวจสอบศักยภาพ และประสิทธิภาพของคนขับรถโดยสารว่าดีมากน้อยเพียงใด
ไม่เพียงแค่นั้น ยังต้องตั้งคำถามถึงคนระดับรัฐบาลว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้
ซึ่งคงไม่ใช่แค่การล้อมคอก วางมาตรการโน่นนี่นั่นออกมา ให้ดูเหมือนว่าพยายามทำอย่างเต็มที่
เพราะสิ่งที่ควรทำที่สุด และควรจะทำตั้งนานแล้วก็คือพัฒนาระบบขนส่งมวลชนระบบรางให้มีคุณภาพ
ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ
ไม่ใช่แค่เร่งสร้างระบบขนส่งสาธารณะแค่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น
ยิ่งคิดก็น่าเสียใจ ที่โครงการดังกล่าวถูกพูดถึง และดำเนินการกันมาก่อนหน้านี้หลายปีดีดัก
แต่ก็ต้องมาสะดุด แถมยังล้มคว่ำระเนระนาด
เพียงแค่เพราะความเกลียดชังทางการเมือง
ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศให้ถอยหลังลงคลองกันไปเรื่อยๆ
ไม่รู้จะต้องสูญเสียกันอีกกี่มากน้อย พวกตัวถ่วงเหล่านั้นถึงจะตระหนัก
หรือแค่ตัวเองอยู่ดีกินดี มีความสุข
ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคนอื่นอีกต่อไป