ทิ้งหมัดเข้ามุม : ตลกร้ายของคนดี

ทิ้งหมัดเข้ามุม – นับเป็นเรื่องตลกร้ายอย่างยิ่ง สำหรับกรณีที่ป.ป.ช.ออกประกาศกำหนดตำแหน่งผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินเพิ่มเติม

โดยกำหนดให้กรรมการสภามหาวิทยาลัย ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน รวมทั้งบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ส่งผลให้เกิดกระแสคัดค้าน จนมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายแห่ง ชิงลาออกกันไป จนกลัวจะไม่มีคนทำงาน

จนกระทั่งรัฐบาล ทั้งรองนายกฯ รมว.ศึกษาธิการ ต้องหาทางแก้ปัญหากันจ้าละหวั่น

ทั้งหารือป.ป.ช. ที่เป็นเจ้าของประกาศ ทั้งอ้อนวอน ออดอ้อนขอร้องกรรมการสภาทั้งหลายให้ใจเย็นๆ

ถึงขั้นเรียกร้องให้ใช้ม.44 มาแก้ไข ปลดล็อก หรือเลิกใช้ประกาศดังกล่าวไปเสียเลย

ดีที่ป.ป.ช. ก็ยังยืนยันการปฏิบัติตามกฎหมาย แม้จะยอมถอย เลื่อนการบังคับใช้ไปอีก 60 วัน

ไม่ถึงขั้นเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า!??

อย่างไรก็ตาม ก็น่าประหลาดใจว่าทำไมหนอ บรรดาผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์ นักวิชาการ เหล่านี้ ถึงปฏิเสธเรื่องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ถึงขั้นบอกออกมาว่าเป็นเรื่องจุกจิกกวนใจ

ทั้งที่ส่วนใหญ่ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยังร่วมขบวนกับม็อบกปปส. เรียกร้องความสะอาดโปร่งใส

อ้าปากก็ธรรมาภิบาล หุบปาก ก็คุณธรรม ต้านโกง ต้านทุจริต

แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจว่าการเปิดเผยโปร่งใส เป็นก้าวแรกของการต่อต้านทุจริต

หรือจริงๆ แล้วที่เคยป่าวประกาศสนับ สนุนการตรวจสอบนั้น มุ่งเน้นเฉพาะพวกนักการเมือง

แต่พวกข้าราชการ ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ไม่จำเป็นตรวจสอบ เพราะเป็นกลุ่มคนดีอยู่แล้ว

ทั้งที่จริงๆ แล้ว ก็ยังมีเรื่องให้น่าสงสัย บางคนรับราชการมาตลอดชีวิต โคตรเหง้าก็ไม่ได้เป็นเศรษฐี คหบดี

แต่เกษียณอายุไป มีบ้านใหญ่โต ใส่นาฬิกาหรูเรือนหลายล้าน จนชาวบ้านต้องมองตาปริบๆ ว่าไปมีบุญญาธิการกันมาจากไหน

ดังนั้นหากมีเจตนาจะปฏิรูป ปราบโกงจริง ก็ต้องเริ่มที่ตัวเอง และทำให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

อย่าให้คนครหาว่า‘เข้มงวดกับคนอื่น ผ่อนปรนกับตัวเอง’

เป็นแนวทางของคนดีเมืองไทย

โดย… รุก กลางกระดาน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ผลสะเทือนจาก ‘โพลทักษิณ’ : ทิ้งหมัดเข้ามุม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน