ทิ้งหมัดเข้ามุม : ยิ่งปกปิด โลกยิ่งอยากรู้
ยิ่งปกปิด โลกยิ่งอยากรู้ – หลังจากที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ออกอาการปรี๊ด อันเนื่องจากข่าวองค์กรต่างชาติต้องการเข้ามาตรวจสอบการเลือกตั้งครั้งแรกของไทย หลังจากคสช.รัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2557
ประเด็นแรกเลย นายดอนปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นคนห้ามองค์กรต่างประเทศเข้ามาสังเกตการเลือกตั้งในไทย เพราะไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เป็นเรื่องของกกต.
ความจริงแล้ว นายดอนเองก็ไม่เห็นด้วยที่ต่างชาติจะเข้ามาจุ้นจ้าน
“คนไทยต้องมีศักดิ์ศรี จะไปเอาคนอื่นเข้ามาตลอดเวลาไม่ได้ เพราะต่างชาติมันจะเก่งกว่าเราทุกเรื่องไปได้อย่างไร” นายดอนกล่าว และยังย้ำว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้โปร่งใส
แต่พรรคการเมืองกลับไม่คิดเหมือน รมต.ต่างประเทศ
หลายพรรคเห็นตรงกันว่าการจัดเลือกตั้งหลังการรัฐประหาร เป็นสิ่งที่นานาชาติต้องจับตามองไม่กะพริบว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปโดยสุจริตหรือไม่
เพราะ “ผู้มีอำนาจ” ที่มาจากการรัฐประหารกำลังจะเปลี่ยนสถานะจาก “กรรมการ” มาเป็น “ผู้เล่น” ในสนามเลือกตั้งเอง จึงต้องมี “คนกลาง” มาสังเกตการณ์
ไม่ให้เกิดการใช้อำนาจโดยมิชอบ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จากพรรคประชาธิปัตย์ แนะให้เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง จะได้ลดข้อครหานินทา และความเคลือบแคลงสงสัย และทำให้เกิดการยอมรับผลการเลือกตั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ตำหนิรมต.ต่างประเทศว่าจะทำให้ไทยกลายเป็นแกะดำที่ถูกจับตามากขึ้น
“ถ้าเชิญเขาเข้ามาก็คงมาจริงจำนวนหนึ่ง แต่ออกอาการแบบนี้จะอยากมากันทั่วโลก ประชาชนต้องคิดเหมือนกันว่า ถ้ารัฐบาลนี้สืบทอดอำนาจต่อ นโยบายด้านการต่างประเทศก็จะเป็นอย่างที่เห็น วันดีคืนดีคนใหญ่คนโตก็พูดไล่นักท่องเที่ยว รัฐมนตรีต่างประเทศก็คอยปิดประตูใส่ชาวโลก แบบนี้จะมองหาอนาคตอย่างไร”
สรุปได้เลยว่า หากยิ่งปกปิดการ เลือกตั้งครั้งนี้
นานาชาติยิ่งอยากรู้“ความจริง”กัน ยิ่งขึ้น
สมิงสามผลัด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :