อย่าผูกใจเจ็บเพื่อดับไฟใต้ : ทิ้งหมัดเข้ามุม

อย่าผูกใจเจ็บเพื่อดับไฟใต้ ถือเป็นปัญหาระดับประเทศที่ยังไม่สามารถแก้ไขไปได้อย่างลุล่วง สำหรับเรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่ตั้งแต่ปลายปี 2561 จนถึงต้นปี 2562 ความรุนแรงก็ไม่ลดน้อยลงแถมยังทวีมากขึ้น

ทั้งการก่อเหตุที่เป็นรูปแบบการตอบโต้ มุ่งที่เป้าหมายอ่อนแอ ทั้งการลงมือบุกยิงอส.ในโรงเรียน คาร์บอมบ์ถล่มฐานตชด. บุกยิงถล่มโรงพักอย่างอุกอาจในเวลา กลางวัน

และที่รุนแรงสะเทือนใจคนในสังคมมากที่สุดก็คือการบุกเข้ายิงกราดถล่มกุฏิภายในวัดรัตนานุภาพ หรือวัดโคกโก หมู่ 2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส

ส่งผลให้ พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และเป็นเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรณภาพพร้อมพระลูกวัดรวม 2 รูป

ทำให้เกิดคำถามว่าเกิดอะไร ทำไมความรุนแรงจึงเพิ่มสูงขึ้น!??

เมื่อย้อนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อปลายปี ก็พบกับเรื่องที่น่าสนใจ นั่นก็คือกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายทหาร บุกเข้าไปยิงนายสะมาแอ เจะมะ อายุ 45 ปี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านท่าราบ ม.1 ต.กะมิยอ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อค่ำวันที่ 24 ธ.ค.2561 หลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จสิ้น

ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการคลี่คลายว่าเป็นการลงมือของฝ่ายใด

จึงมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่เหตุการณ์นี้จะเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดความรุนแรงบานปลายเช่นนี้

ดังนั้นทางแก้ไขของรัฐบาล ก็คือพยายามคลี่คลายคดี และทำความเข้าใจให้ได้ว่าใครกันแน่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ

ไม่ใช่ฝีมือเจ้าหน้าที่อย่างที่มีความพยายามกระพือข่าวออกไป

และแน่นอนว่าการเดินหน้าเชิงรุกในการแก้ปัญหาภาคใต้ ย่อมไม่ใช่กรณีการใช้มาตรการตาต่อตาฟันต่อฟัน

แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ดึงแนวร่วมให้กลับมาร่วมมือแก้ปัญหา

ยอมรับในความแตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ปราศจากความรุนแรง

อย่างที่รองนายกฯประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ให้นโยบายอย่าผูกใจเจ็บแค้นนั้นถูกต้องแล้ว

แต่จะต้องดูแลให้เกิดผลเป็นรูปธรรมด้วย

เพื่อให้สันติภาพมีโอกาสเกิดขึ้นได้

โดย…รุก กลางกระดาน

คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน