คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สมิงสามผลัด
หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเงินคงคลังเหลือเพียง 7.5 หมื่นล้าน จนลือกระหึ่มว่ารัฐบาลถังแตก
จนล่าสุดนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง แถลงปฏิเสธข่าวรัฐบาลไม่ได้ถังแตก เงินคงคลังเหลือแค่ 7.5 หมื่นล้านก็ไม่ถือว่าถังแตก เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ที่เห็นว่าเงินคงคลังควรอยู่ที่ 5 หมื่นถึง 1 แสนล้านเท่านั้น
พูดแบบชาวบ้านก็คือ มีเงินสดเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาเก็บ เสียดอกเบี้ยเยอะๆ ทำนองนั้น
ส่วนที่เกิดวิพากษ์วิจารณ์กัน ก็เพราะรัฐบาลที่ผ่านมายอดเงินคงคลังจะอยู่ที่ 3-4 แสนล้าน ตัวเลขมันแตกต่างกันมากกับรัฐบาลชุดนี้ก็เลยเกิดเปรียบเทียบกัน ซึ่งเมื่อฟังคำชี้แจงของขุนคลังก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะนโยบาย
ไม่ใช่รัฐบาลถังแตก
แต่ที่น่าตกใจคือ คำสัมภาษณ์ของพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุทำนองว่ามีสื่อบางสื่อมีนัยยะทางการเมือง หยิบเรื่องเงินคงคลังเหลือ 7.5 หมื่นล้านมานำเสนอเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล แถมยังเรียกร้องให้องค์กรวิชาชีพสื่อตรวจสอบ
แบบว่ามีสื่อจ้องเล่นงานรัฐบาล!
หากย้อนกลับไปดูให้ชัด ประเด็นเงินคงคลัง 7.5 หมื่นล้านนั้น หลุดออกมาจากปากของพล.ท.สรรเสริญเอง
เริ่มมาจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ กรณีมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินภายในประเทศ เพราะมีข้อสงสัยว่าขึ้นภาษีครั้งล่าสุดนี้เป็นเพราะรัฐบาล ?ถังแตก?
พล.ท.สรรเสริญจึงเปิดแถลงปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง พร้อมกับยืนยันว่าฐานะการคลังยังอยู่ในระดับเข้มแข็ง แจกแจงฐานะการคลังของรัฐบาลเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2559 ว่า คงเหลือ 74,907 ล้านบาท
นำไปสู่การตรวจสอบเปรียบเทียบกับเงินคงคลังในรัฐบาลอื่นๆ ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าแตกต่างกันลิบลับ จนนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน
ฉะนั้น การเสนอข่าวเงินคงคลังเหลือ 7.5 หมื่นล้าน เป็นการเสนอข่าวบน พื้นฐานความเป็นจริง
โดยอ้างอิงคำแถลงของพล.ท.สรรเสริญ นั่นเอง
มิได้มีนัยยะทางการเมืองดั่งที่พล.ท. สรรเสริญเข้าใจผิดเลย