คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับการประกาศแผนงานใหม่ล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข

ซึ่งก็คือโครงการ”ส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ”

เพื่อเน้นการเพิ่มจำนวนการเกิดเพื่อทดแทนจำนวนประชากร

เนื่องจากพบว่าขณะนี้ผู้หญิงไทยแต่งงานน้อยหรือช้าลง นิยมอยู่เป็นโสดมากขึ้น ทำให้อัตราการเพิ่มประชากรในประเทศไทย ลดลงจากร้อยละ 2.7 ในปี 2513 เหลือร้อยละ 0.4 ในปี 2558

หากไม่ดำเนินการใดๆ ภายใน 10 ปี อัตราการเพิ่มประชากรไทยจะเท่ากับร้อยละ 0.0 คืออัตราการเกิดเท่ากับอัตราการตาย

ไม่มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ทำให้ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ถือเป็นการเตรียมการ ที่ดี ที่จะรับมือปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต

แต่ที่สำคัญคือต้องพิจารณาให้ได้ว่า เหตุใดคนถึงนิยมมีลูกน้อยลง จะเป็นเพราะผู้หญิงมีการศึกษาสูงขึ้นตามที่อธิบดีกรมอนามัยกล่าวอ้าง เพียงเหตุผลเดียวหรือไม่

หรือจะเป็นเพราะประชาชนยังกังวลถึงเรื่องคุณภาพชีวิตของตัวเอง และลูกที่กำลังจะเกิดมา

เพราะหลายคนก็ยังไม่แน่ใจว่าอนาคตต่อไปลูกหลานจะต้องอยู่ในสังคมแบบไหนกันแน่

ยิ่งสภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคมในระดับมหภาค เพียงแค่ช่วงอายุคนเราก็ยังคาดการณ์กันไม่ถูก

จะได้รับการศึกษาที่ดีเพียงพอ ได้รับการเข้าถึงระบบสาธารณสุขพื้นฐาน ได้อยู่สังคมที่เป็นธรรม มองเห็นคนทุกคนเท่ากัน จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของปัญหาปากท้องกินอยู่ ดังที่คำโบราณว่าไว้ว่ามีลูกคนหนึ่ง จนไป 7 ปี

จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแสดงศักยภาพความเป็นนักบริหาร ในการวางนโยบายให้ความช่วยเหลือ

ทั้งเรื่องการลดภาษี วันลา ระบบการศึกษา ระบบสาธารณสุข ให้พร้อมรับกับการเกิดของประชาชน

ถ้าเงินงบประมาณประเทศมันน้อย จนไม่เพียงพอ ก็ลองตัดงบซื้ออาวุธ เรือดำน้ำ เครื่องบินรบ มาลงทุนกับทรัพยากรบุคคลของประเทศดู

ไอ้แค่แจกวิตามิน ธาตุเหล็ก โฟลิก เพื่อให้ครรภ์สมบูรณ์ เกิดมาปลอดภัย

คงจะไม่เพียงพอ ที่จะสร้างประชากรคุณภาพของประเทศจริงไหม!??

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน