โดมิโน‘ธนาธร’
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย รุก กลางกระดาน
เพราะตั้งแต่ลงเล่นการเมือง ก็ถูกงัด ข้อหาสารพัดมาโจมตีใส่ความ แชร์ทั้งภาพ-ข่าว ที่เป็นเท็จหวังทำลายชื่อเสียงคะแนนนิยม
ตามด้วยการแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาหนักอย่างผิดมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น เพียงเพราะรับนักศึกษา นักกิจกรรมขึ้นรถตู้ไปส่ง
และตามสูตรที่ตามมาด้วยการแจ้งข้อหา ว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) และพ.ร.ป. เลือกตั้งส.ส. มาตรา 42(3)
เนื่องจากมีหุ้นในบริษัทวี-ลัค มีเดีย ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน
เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายร้ายแรง !??
ตามต่อด้วยนักวิชาการ วิชาเกิน นักกฎหมายผู้ฉกาจฉกรรจ์ในฟากฝั่งกลุ่มคนดี ที่วิเคราะห์เจาะลึกว่ารุนแรง ร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคอนาคตใหม่กันเลยทีเดียว
จึงเป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถามกันว่า สิ่งที่ธนาธรทำนั้น ผิดกฎหมายร้ายแรง เป็นอาชญากรรมที่นำไปซึ่งการตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง อันถือเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนชาวไทย
และยุบพรรคการเมือง ที่มีประชาชนกว่า 6 ล้านคนให้การสนับสนุนเลยหรือไม่
เมื่อไปมองข้อเท็จจริง สื่อที่นายธนาธรถูกกล่าวหาว่ามีหุ้นอยู่นั้น ทำหนังสือนิตยสารที่เลิกผลิตไปแล้วกว่า 2 ปี
แถมยังชี้แจงชัดเจนว่าได้ขายหุ้นทั้งหมดไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะมีพ.ร.ฎ. เลือกตั้ง
แต่แน่นอนข้อชี้แจงและเอกสาร เหล่านี้กลับไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของ กกต. จนกระทั่งประธานสอบข้อเท็จจริงจำเป็นต้องลาออก
เพราะรับไม่ได้กับ ‘นโยบาย’ ที่กดปุ่มสั่งตรงลงมา
จึงน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ว่าการทำตามนโยบายเหล่านี้ จะมีจุดสิ้นสุดที่ตรงไหน
นำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ หรือเอาผิดแค่ตัวนายธนาธร เพื่อข่มขู่ ตักเตือนไม่ให้เกิดการกระด้างกระเดื่อง แล้วจบลงที่ความสงบราบคาบ
หรือกรณีนี้จะกลายเป็นโดมิโนชิ้นยักษ์ ที่มาพลิกผันการเมืองไทย
เป็นเรื่องในอนาคตที่จะเกิดขึ้น