จับตา 25 พ.ค. – 25 พ.ค. ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่คอการเมืองทุกคนล้วนจับตา

เพราะจะเป็นวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งประธานสภา ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสำคัญ และเป็นอีก 1 ตัวชี้วัด ว่าฟากฝ่ายใดจะมีภาษีดีกว่าในการจัดตั้งรัฐบาล

โดย การเลือกประธานสภาผู้แทนฯ ใช้เสียงจากส.ส.เท่านั้น หากใครได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 250 เสียงขึ้นไป

หากที่ประชุมเทเสียงไปที่ฝั่งพรรคประชารัฐสนับสนุน ก็ย่อมแน่ใจได้เลยว่า ในการประชุมนัดต่อไปที่จะเลือกนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นอนมาอย่างแน่นอน

เพราะเอาเสียงข้างมากของส.ส.ไปรวมกับเสียงส.ว. ที่เลือกกันเข้ามาเอง ย่อมเพียงพอที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป

หากเสียงข้างมากสภาผู้แทนฯ เลือกคนที่ฝ่ายประชาธิปไตยเสนอชื่อ ก็ต้องไปลุ้นกันอีกครั้ง แต่ยังไงภาษีของพล.อ.ประยุทธ์ ย่อมดีกว่า เพราะใช้แค่ 126 เสียง รวมกับ 250 ส.ว. ก็คว้าชัย

ไม่เหมือนกับฝ่ายประชาธิปไตย ที่ต้องการถึง 376 เสียงเพื่อกันส.ว.ออกจากเกมครั้งนี้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะรีบสรุปว่ามีอยู่แค่ 2 ค่ายที่ต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งนายกฯ ก็คงไม่ได้

เมื่อขั้วที่ 3 นำโดยพรรคภูมิใจไทย ประกาศจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ รวม 103 เสียง ขอจัดตั้งรัฐบาลแข่งด้วย

เหตุเพราะทนไม่ได้กับความไม่ใจกว้างของพรรคพลังประชารัฐ ที่จัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้เพียงน้อยนิด

จนต้องออกมาประกาศอิสรภาพ ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติ

แต่เกมนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตย 6-7 พรรค ที่จับมือกันอยู่ ว่าจะให้การสนับสนุนเพียงใด

ไม่เพียงแค่นั้น ยังหมายถึงพรรคเล็กอีก 11 พรรค หรือจะฉกงูเห่าจากพรรคพลังประชารัฐมาสนับสนุนได้บ้างหรือไม่

ทุกอย่างล้วนเป็นปัญหาให้ต้องขบคิด หรือสุดท้ายแล้วพปชร. จะยอมคายเก้าอี้รัฐมนตรีเกรดเอ ออกมาให้พรรคร่วม เพื่อให้บรรยากาศแห่งการร่วมมือเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น

หรือจะทุบโต๊ะเอาให้ได้ตามสไตล์ของคสช.

ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ในเกมการเมืองขณะนี้

ส่วนประชาชนก็ได้แต่เฝ้าดู และจารึกเอาไว้ว่าใครกันที่ทรยศต่อความไว้วางใจ

เพื่อรอคอยเวลาที่จะเอาคืน!??

…อ่าน…