ดูถูกประชาชน

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

หลังถูกสังคมตั้งคำถามถึงที่มาของ 250 .. ที่โชว์ฟอร์มเป็นฝักถั่ว ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาทำหน้าที่อีกสมัย

เพราะคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสรรหา ดันหายไปจากราชกิจจานุเบกษา

ก็เดือดร้อนถึงเนติบริกร อย่างนายวิษณุ เครืองาม ที่ต้องมาพรรณนาชี้แจง

พร้อมเปิดชื่อกรรมการสรรหาส.. ที่มีอยู่ด้วยกัน 10 คน ประกอบด้วย พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พล..ฉัตรชัย สาริกัลยะ พล...ประจิน จั่นตอง พล..ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล...ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล...อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา นายพรเพชร วิชิตชลชัย และ ตัวนายวิษณุเอง

แม้จะเป็นชื่อที่คุ้นเคย แต่ก็สร้างความฮือฮาไม่น้อย

เพราะพบว่ามี 6 คนใน 10 คน เข้ามาเป็นส..เสียเอง

ส่วนอีก 4 คนที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้ว และแต่งตัวเตรียมกลับมาเป็นรัฐมนตรีใหม่

ก็มีเครือญาตินามสกุลเดียวกันเข้ามานั่ง ในสภาไม่น้อย

เล่นเอาคำกล่าวหาสภาผัวเมียที่ใช้เรียกส..สมัยทักษิณ กลายเป็นเรื่องกระจอก งอกง่อยไปเลยทีเดียว

และแม้นายวิษณุ จะยืนยันว่าไม่มีกรรมการสรรหาคนไหน เสนอชื่อตัวเองให้เป็นส.. ก็คงหนีไม่พ้นคำครหาว่าตั้งเอง ชงเอง กินเอง

แถมใช้งบประมาณไปเพื่อการนี้ถึง 1.3 พันล้านบาท!??

ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องที่ต้องอธิบายและชี้แจงว่าการใช้เงินภาษีประชาชนร่วม พันกว่าล้าน เพื่อให้ได้มาซึ่งส..เหล่านี้นั้น

มันคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด

ไม่เพียงแค่นั้นประชาชนส่วนใหญ่ ก็ต้องพิจารณาว่าที่บ้านเมืองหยุดชะงัก เพราะการรัฐประหารไปกว่า 5 ปี

พอกลับมาเลือกตั้ง ก็เขียนกฎหมาย ให้มีส..สามารถเลือกนายกฯ โดยมีที่มาอย่างที่เห็น

มันเป็นการปฏิรูปการเมืองอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อไว้จริงหรือไม่

หากคิดว่าดีแล้ว ก็ให้มองย้อนไปว่าถ้าเป็นยุคทักษิณยิ่งลักษณ์ ทำอย่างนี้บ้าง จะเป็นยังไง

หรือผู้มีอำนาจในยุคนี้สมัยนี้ คิดว่า ยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา จนทำอะไรก็ได้ไม่มีความผิด ไม่มีใครทักท้วง

มันจะดูถูกประชาชนเกินไปหน่อยไหม

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม โดย รุก กลางกระดาน

..อ่าน..

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน