กรณีคำถวายสัตย์ กับข้อบังคับ อนค.
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
กรณีคำถวายสัตย์ กับข้อบังคับ อนค. – กรณีคำถวายสัตย์ปฏิญาณทำเอา “กองเชียร์ลุง”ถึงกับเหวอ รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม มือเซียนกฎหมายเรื่องอื่นเคยไหลไปได้เรื่อย เรื่องนี้ถึงกับไปต่อไม่เป็น
เรื่องของเรื่อง รัฐธรรมนูญ มาตรา 161 กำหนดถ้อยคำถวายสัตย์ฯ ไว้แล้ว มีผลบังคับว่านายกฯ ต้องนำ ครม.กล่าวตามนั้น จะตัดทอน เพิ่มเติมคำเดียวก็ไม่ได้
ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายต้องห้ามตามมาตรา 5
“รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ หรือการกระทำใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้”
การที่นายกฯ อ้างคำถวายสัตย์ วันที่ 16 ก.ค. กล่าวครอบคลุมตามรัฐธรรมนูญแล้ว
เป็นคำชี้แจงไม่ถูกต้อง เพราะรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้กล่าวแบบครอบคลุม แต่ต้องกล่าวตามนั้นแบบเป๊ะๆ ทุกคำ ทุกประโยค
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวพันกับสถานภาพรัฐบาลโดยตรง
ถ้ารัฐบาลยังเป็นรัฐบาลที่ไม่สมบูรณ์เพราะถวายสัตย์ ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ จะมีผลให้สิ่งที่ทำมา และสิ่งที่จะทำ ต่อไปเป็นโมฆะหรือไม่
ตรงนี้ต่างหากคือคำถามแจ๊กพอต
ใครมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ควรให้จบๆ หรือปล่อยผ่านไป จึงไม่ใช่
ยกตัวอย่างข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีถ้อยคำแสดงถึงการยอมรับว่าประเทศไทยต้องมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ใช้คำว่า “หลักประชา ธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ”แทน
ทั้งที่ไม่มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
ก็ยังอุตส่าห์มีคนไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่เป็นโมฆะหรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องไว้แล้ว
การที่นายกฯ บอกว่าจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้เอง หลายคนนอกจากเอาใจช่วยก็ยังอยากรู้
รัฐบาลจะหาวิธีผ่าทางตันเรื่องนี้อย่างไร