ปมถวายสัตย์ ยังไม่จบ

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

ปมถวายสัตย์ ยังไม่จบ – นับเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ สำหรับกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำครม.ทำพิธีรับพระราชดำรัส พร้อมลายพระราชหัตถ์ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เพื่อน้อมรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมไว้เป็น สิริมงคล และเป็นเครื่องกำกับสติเตือนใจสืบไป

ถือเป็นเรื่องสิริมงคลอย่างหาที่สุดมิได้

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวก็ถูกนำ มาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์การถวายสัตย์ปฏิญาณของพล.อ.ประยุทธ์เอง ที่กล่าวถ้อยคำไม่ครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 161

ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ และน่าเป็นห่วง ว่าจะเป็นการนำสถาบันหลักเข้ามาพัวพัน กับการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรี

ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น

ดีที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงทันทีว่าพิธีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะได้ทำเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุ ญาตไป เมื่อท่านโปรดเกล้าฯลงมา ครม.ทุกคนก็ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ

แต่ไม่อาจกล่าวได้ว่าจะสามารถไปจบเรื่องอื่นได้หรือไม่

ถือเป็นการยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกัน สร้างความสบายใจให้สังคมได้ในระดับหนึ่ง

เพราะต้องยอมรับว่าเมื่อยอมรับกันว่ารัฐธรรมนูญเป็นบทบัญญัติสูงสุด การกระทำ ที่ผิดหรือขัดกับรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่สามารถทำได้

ยิ่งเป็นการกระทำโดยจงใจแล้ว ยิ่ง ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ไม่เพียงแค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ยอมรับต่อสาธารณะหลายครั้งว่าการรับรู้และรับทราบว่าการถวายสัตย์นั้น มีปัญหา แต่พยายามจะแก้ไข และยังระบุว่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้แต่ผู้เดียว

แต่เวลาผ่านมาเนิ่นนานก็ยังไม่เห็นว่าความรับผิดชอบที่พล.อ.ประยุทธ์พูดถึง คืออะไร และจะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร

แถมในการตั้งกระทู้ซักถามในสภา ผู้แทนฯ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่เคยไปชี้แจง

แม้จะบอกว่าไม่เคยกลัวการเข้าสภา แต่การกลับมาเป็นนายกฯหน 2 นี้ พล.อ. ประยุทธ์ เข้าสภาเพียงครั้งเดียว คือการแถลงนโยบาย แถมยังถูกจับตาว่าอ่านนโยบายผิดๆ ถูกๆ

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสุดท้ายเรื่องนี้ก็ต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นสิ่งที่ทำได้

ก็คงจะไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์อีกต่อไป

อ่านข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน