จุดยืนของว่าที่นายกฯ
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รุก กลางกระดาน
จุดยืนของว่าที่นายกฯ : ไม่ได้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ สำหรับกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะออกมาสนับสนุนให้พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เป็นนายกฯ คนต่อไป
เพราะท่าทีที่ผ่านมา ในการแสดงออกต่อสาธารณะในหลากหลายโอกาส ย่อมแสดงให้เห็นถึงการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ
บางครั้งดูจริงจังเด็ดขาด เกินกว่าท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คนปัจจุบันด้วยซ้ำ
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ!??
ทั้งนี้หากพิจารณาถึงคุณสมบัติแล้ว เมื่อคนอย่างพล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็น นายกฯ มาได้กว่า 5 ปี และยังไม่รู้จะมีจุดสิ้นสุดตรงไหน
หากเอามาตรฐานที่ผ่านมาเป็นเกณฑ์ พล.อ.อภิรัชต์ ย่อมสามารถเป็นนายกฯ ได้เช่นกัน
ยิ่งถ้าไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดโอกาสให้คนนอกที่ไม่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง สามารถเป็นนายกฯคนนอกได้
มอบอำนาจให้ส.ว.อีก 250 คนมีสิทธิ์เลือกนายกฯ
อีกทั้งพล.อ.อภิรัชต์ ที่เป็นถึงผบ.ทบ. มีกำลังทหารหนุนหลังมหาศาล อาวุธยุทโธปกรณ์อีกพะเรอเกวียน
การก้าวเข้าสู่เก้าอี้นายกฯ ของพล.อ.อภิรัชต์ จึงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่คำถามที่ตามมาก็คือ ถ้าเป็นนายกฯ แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น!??
เพราะก็ต้องยอมรับว่าแม้จะมีมาตรฐานไม่ต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็มีเรื่องบางอย่างที่ฟังแล้วยังน่าเป็นห่วง
อย่างน้อยก็เป็นเรื่องการเข้าใจสภาพสังคมโลก และประวัติศาสตร์ ที่อาจส่งผลเสียในการบริหารงานในอนาคต
โดยเฉพาะการเปิดเวทีที่กองทัพบกบรรยายพิเศษ ที่อัดนักการเมืองบางพรรคเป็น “ฝ่ายซ้ายดัดจริต เป็นอดีตคอมมิวนิสต์ที่พยายามล้มล้างสถาบัน”
หมายถึงคอมมิวนิสต์ไม่ดีใช่หรือไม่?
แต่อยู่ๆ ก็มาซัดนักการเมืองที่ไปถ่ายรูปร่วมกับโจชัว หว่อง นักกิจกรรมประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งทั่วโลกเขาก็รู้กันว่า สิ่งที่นักกิจกรรมประชาธิปไตยฮ่องกงเคลื่อนไหว ก็คือการต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน
สรุปแล้วพล.อ.อภิรัชต์ จึงควรจะทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนว่ามีจุดยืนและความเห็นอย่างไรกับคอมมิวนิสต์
และคิดเห็นอย่างไรกับการซื้อยุทโธปกรณ์ อย่างเรือดำน้ำจากประเทศจีน ที่เป็นคอมมิวนิสต์ตัวพ่อ
ทำความเข้าใจกับตัวเองให้กระจ่าง เพื่อความชัดเจนหากต้องรับตำแหน่งสำคัญ
ก็น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย