คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

อึ้งกันไปทั้งบาง เมื่ออยู่ๆ ก็มีข่าวว่าครม.อนุมัติให้กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน 3 ลำ มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท

แถมเป็นมติ ครม.ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. แต่เก็บเงียบไม่มีการแถลงไขให้ประชาชนรับทราบ

เพราะอ้างว่าติดชั้นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้ ที่สำคัญสื่อไม่ได้สอบถามจึง ไม่ได้บอก!??

ทำให้ยิ่งสงสัยว่าหากเรื่องที่ติดชั้น ความลับ แล้วมีสื่อไปถามก็พร้อมเปิดเผย อย่างนั้นหรือ

แต่เอาเถอะ สรุปว่าประเทศไทยเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำจากจีนแล้ว

ยืนยันจากภาครัฐถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเพื่อความมั่นคง และเป็นโครงการระยะยาว 11 ปี จัดซื้อแบบจีทูจี หรือรัฐบาลต่อรัฐบาล โปร่งใส ไม่มีอะไรน่าสงสัย!?? แม้จะมีคำยืนยันจากรัฐบาล ชาวบ้านก็ยังตะขิดตะขวงใจอยู่ดี

แถมเมื่อย้อนกลับไปตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล คสช.ที่มุ่งคืนความสุขให้ประชาชน หลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557

ก็พบหลายโครงการที่น่าสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นของกองทัพบกที่จัดซื้อรถถังจากจีน และเฮลิคอปเตอร์จากรัสเซีย ระหว่างปี 2558-2560 รวมมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

กองทัพเรือที่จัดซื้อเรือตรวจการณ์ตั้งแต่ปี 2558-2559 มูลค่า 3.9 พันล้านบาท ไม่รวมกับเรือดำน้ำที่เพิ่งอนุมัติไป

ขณะที่กองทัพอากาศจัดซื้อเครื่องบิน ฝึกนักบินขับไล่เบื้องต้นจากเกาหลีใต้ 8 ลำ มูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท

รวมงบประมาณจัดซื้ออาวุธใน 3 ปีที่ผ่านมา ร่วม 2.5 หมื่นล้านบาท

เมื่อดูจากเม็ดเงินที่ทุ่มลงไป ก็อาจนึกฝันว่าเรากำลังจะเป็นมหาอำนาจทางการทหารในอีกเร็ววันนี้

แต่อีกด้านหนึ่งก็มีการปรับใช้งบประมาณลงอย่างจำกัดจำเขี่ย ไม่ว่าจะเป็นงบหนังสือเรียนฟรี ที่จะปรับเป็นการให้ยืมเรียนแทน

หรือกระทั่งงบประมาณด้านสาธารณสุข ไม่ว่าเป็นการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ต่างๆ จนกระทั่งนักร้องขวัญใจวัยรุ่นต้องออกมาวิ่งซูเปอร์มาราธอน ระดมเงินกันไปครั้งหนึ่ง

รวมทั้งเรื่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่พยายามปรับเปลี่ยนเป็นให้ผู้ป่วยร่วมจ่าย เพื่อแก้ไขปัญหางบประมาณ

นี่คือ 2 ด้านที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในยุคนี้สมัยนี้

สำลักความสุขกันหรือยัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน