คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

นับเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยยากจริงๆ สำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บริหารประเทศมาตั้งแต่ก่อรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 หรือเกือบ 3 ปีเต็ม

ที่ดูเหมือนอะไรๆ ก็ไม่ค่อยได้ตรงตามประสงค์ แถมยังต้องเผชิญกับคำถามจากประชาชนและสังคมอย่างยิ่งยวด

ไล่ตั้งแต่การใช้ม.44 กวดขันวินัยจราจร ห้ามนั่งแค็บ นั่งกระบะท้าย

ซึ่งบังคับใช้ได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็ต้องถอย กรูด เมื่อเผชิญเสียงวิพากษ์จากประชาชนจนหูชา

น่าจะเป็นม.44 ที่มีระยะเวลาบังคับใช้น้อยที่สุด!??

ต่อด้วยกรณีหมุดคณะราษฎร หรือหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญหายไปจากจุดที่ตรึงตรงลานพระบรมรูปทรงม้า

งานนี้แม้ยังไม่รู้ได้ว่าใครเป็นคนทำ แต่รัฐบาลเองก็เสียหายสุดๆ เพราะปล่อยปละละเลยในพื้นที่สำคัญใจกลางกรุงเทพฯ

แถมกล้องวงจรปิดทั้ง 11 ตัว ก็ถูกถอดออกพร้อมกัน จนน่าสงสัยถึงประสิทธิภาพการบริหารงานของรัฐบาลและกทม.

ไม่จบเพียงแค่นั้นหลังสงกรานต์แทนที่จะ หายใจทั่วท้อง กับต้องเผชิญเหตุครม. อนุมัติ เงียบซื้อเรือดำน้ำจากจีน

จนเกิดข้อสงสัยถึงความคุ้มค่าของงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน

แต่ยังไม่ได้แถลงชี้แจงเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ต้องตกตะลึงกับวาทกรรมว่า หากไม่มี โครงการรับจำนำข้าวสามารถซื้อเรือดำน้ำได้ถึง 50 ลำ

เล่นเอาชาวนา 3.7 ล้านครัวเรือน ต้องตั้งคำถามว่านโยบายที่ยกระดับความเป็นอยู่ของพวกเขา เปรียบเทียบกับเรือดำน้ำได้อย่างไร

ตามมาอีกด้วยกระแสคัดค้านพ.ร.บ. คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าพ.ร.บ.คุมสื่อ

ซึ่งมีการแสดงออกทั้งจากนักข่าวภาคสนาม ผู้บริหาร และองค์กรวิชาชีพอย่างเป็นเสียงเดียวกัน

ไอ้ที่เห็นว่ามีสื่อหลายคนไปยอมร่วมสังฆกรรมด้วยหลายหลากแล้วจะผ่านฉลุย ง่ายๆ ก็คงจะไม่ใช่เสียแล้ว

ทั้งหมดดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจรรโลงใจ และแม้รัฐบาลจะยืนยันว่าไม่ได้ประสบปัญหา ขาลงแต่อย่างใด

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็น่าเป็นห่วง ยิ่งไปกว่านั้น กว่าจะถึงการเลือกตั้งที่เลื่อนไปเรื่อยๆ จนถึง ปี 2561

กว่าจะถึงตอนนั้น รัฐบาลจะต้องเผชิญ กับอะไรอีกบ้าง

ย่อมน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน