คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
มันฯมือเสือ
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพาดหัวไปในทิศทางเดียวกัน
สปท.ดึงดัน/โหวตผ่านกม.คุมสื่อ, โหวตตีทะเบียนสื่อ/มติสปท.141ต่อ13, ผ่านกม.กดหัวสื่อ/สปท.แตกหัก, 141สปท.ดันทุรัง/เข็นพรบ.คุมสื่อ, สปท.ถก8ชม./ฝักถั่วตีทะเบียนสื่อ ฯลฯ
ก็พอจับอารมณ์กันได้
หลังจากที่ประชุมสปท.ใช้เวลา 8 ชั่วโมงเต็ม ผ่านร่างพ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน
หรือเรียกสั้นๆ ตามเนื้อผ้าว่า “กฎหมายคุมสื่อ”
ทั้งที่แม่น้ำบางสายใช้เวลาชั่วโมงเดียว โยกงบฯ กระทรวงกว่า 1 หมื่นล้านบาทมาใส่ไว้ในงบกลาง
ส่วนจะนานกว่าการอนุมัติซื้อเรือ ดำน้ำ 1.3 หมื่นล้านหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะเป็นวาระลับสุดยอด
เห็นหรือยังว่าแม่น้ำ 5 สายภายใต้คสช.ให้ความสำคัญกับการคิดค้นกลไกควบคุมสื่อมากขนาดไหน
สปท.บางคนอภิปรายถึงขนาดอยากจับสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์ทหารไปยิงเป้าให้หมด
บางคนต้องการให้ใส่ตรวนสื่อแบบสิงคโปร์ ทั้งที่สิงคโปร์อยู่อันดับ 151 ในการจัดอันดับสิทธิเสรีภาพสื่อโลกขององค์กรสื่อไร้พรมแดน ต่ำกว่าไทยเสีย ด้วยซ้ำ
บางคนนำสื่อไปเปรียบเทียบกับ หมอนวดหรือวินมอเตอร์ไซค์ ที่ต้องมีองค์กรขึ้นมาควบคุมดูแลเป็นการเฉพาะ
ทั้งที่ความจริงจะนำมาเปรียบเทียบอย่างนั้นไม่ได้ ถึงจะเป็นอาชีพสุจริต มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไม่ต่างกันก็ตาม
เพราะหน้าที่หนึ่งของสื่อคือตรวจสอบรัฐบาล ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมือง
ความมีสิทธิเสรีภาพปราศจากการควบคุมโดยผู้ถูกตรวจสอบจึงเป็นหัวใจสำคัญในการทำหน้าที่
ก็ต้องจับตาดูใกล้ชิดว่ากฎหมายคุมสื่อฉบับปรับปรุง ท้ายสุดจะออกมาอย่างไร
แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกต่อกันระหว่างแม่น้ำ 5 สายกับสื่อทุกแขนงในห้วงเวลาที่เหลือของโรดแม็ป แต่เดิมก็ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่แล้ว
น่าจะย่ำแย่ลงไปอีกหลายระดับ