คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
มันฯ มือเสือ
เมื่อเร็วๆ นี้ สปท.เพิ่งลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อ มวลชน หรือที่เรียกว่ากฎหมายคุมสื่อ
จนถูกองค์กรสื่อรวมพลังต่อต้าน
ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ทบทวน โดยเฉพาะประเด็นให้มีตัวแทนภาครัฐ 2 คนร่วมนั่งในคณะกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชน
ล่าสุดสปท.ยังประชุมรับทราบ รายงานร่างพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
อภิปรายตั้งข้อสังเกตส่งกลับครม. นำไปปรับแก้ เช่น แก้ไขคำจำกัดความคำว่าไซเบอร์ ให้กว้างขวางครอบคลุมความมั่นคงทุกมิติ ทั้งระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต โทรคมนาคม ดาวเทียม สาธารณูปโภค ฯลฯ
เสนอแก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กปช.) จากเดิมรมว.ดิจิทัลฯ เป็นประธาน เปลี่ยนให้นายกฯ เป็นประธาน
ให้สำนักงานกปช.เป็นส่วนราชการ เทียบเท่ากรม
มีอำนาจเข้าถึงข้อมูลการติดต่อสื่อสารทั้งไปรษณีย์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องมืออุปกรณ์สื่อสาร สื่ออิเล็กทรอ นิกส์ ของทั้งภาครัฐและเอกชน
เบื้องต้นต้องได้รับอนุญาตจากศาล ยกเว้นกรณีเร่งด่วน ให้เจ้าหน้าที่โดยการอนุมัติของกปช. ดำเนินการได้เลย แล้วค่อยรายงานให้ศาลทราบภายหลัง
สปท.ยังเสนอรัฐบาลเร่งเสนอร่างต่อสนช.ประกาศใช้โดยเร็ว
ในระหว่างกฎหมายยังไม่ประกาศใช้ ให้นายกฯ ใช้อำนาจมาตรา 44 ตั้งกปช.ขึ้นมาทำหน้าที่ก่อน เมื่อกฎหมายประกาศใช้ค่อยโอนภารกิจต่อไปให้กปช.ชุดใหม่
ข้อเสนอดังกล่าวทำให้สังคมวิตกกังวล ว่ากฎหมายอาจถูกนำไปใช้ในการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน ทั้งยังกระทบความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจการลงทุน
กรณีนี้รัฐบาลจึงต้องคิดให้รอบคอบรอบด้าน
เพื่อไม่ให้กฎหมายที่จะออกมาเป็นตัวทำลายความมั่นคงเสียเอง