หน้ากากขาดตลาด
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดให้หน้ากากอนามัย ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ผลิตหน้ากากอนามัย และผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ เป็นสินค้าควบคุม
หลังสถานการณ์การระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ลุกลาม จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตใกล้ทะลุ 500 คน และอีกหลายหมื่นติดเชื้อ
ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 25 ราย มีคนไทยอยู่ด้วย 5 คน ล่าสุดเป็นคนขับรถสาธารณะที่รับส่งผู้โดยสารชาวจีน และสามีภรรยาที่กลับมาจากเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
อีกทั้ง ยังพบว่ามีชาวเกาหลีใต้ติดเชื้อไวรัสร้ายดังกล่าวระหว่างเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยด้วย
หน้ากากอนามัยจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการป้องกัน
ก่อนหน้านี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เคยไปตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย พร้อมกับขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่ามีเพียงพอต่อความต้องการใช้
นายจุรินทร์อ้างว่าโดยภาพรวมโรงงานในไทย 10 โรงงาน มีสต๊อกสินค้ากว่า 200 ล้านชิ้น ใช้ได้นาน 4-5 เดือน แม้ไม่ผลิตเพิ่ม
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยด้วยว่าการผลิตทั้งระบบมีอยู่ประมาณ 10 โรงงานใหญ่ มีกำลังการผลิตรวมถึงเดือนละประมาณ 100 ล้านชิ้นต่อเดือน ประชาชนใช้ปกติเดือนละ 30 ล้านชิ้นในประเทศ
ไม่น่าเชื่อว่าที่บอกมีสต๊อกอยู่ 200 ล้านชิ้น ทำไมไม่มีวางในตลาด แถมปล่อยให้โขกราคา บางคนจากที่เคยซื้อ 4 ชิ้น 20 บาท ราคาพุ่งไปถึง 4 ชิ้น 50 บาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็เสียงแข็งมาตลอดว่าไม่ขาดตลาด หาซื้อที่ร้านไม่ได้ก็ให้ไปซื้อที่โรงงาน ใครที่ช่วยเหลือตัวเองได้ก็ช่วยเหลือตัวเอง ถ้ามีสตางค์ก็ช่วยซื้อกันเองบ้าง
นอกจากนี้ ยังสั่งสอนด้วยว่าหน้ากากอนามัยที่ใช้อย่าทิ้งส่งเดช เพราะเป็นขยะติดเชื้อ ไม่รู้ว่าเชื้ออะไรบ้าง ต้องถูกทำลาย ต้องเข้าใจและคิดให้รอบคอบ
สถานการณ์ที่น่าตระหนกแบบนี้ประชาชนต้องทนอยู่กับรัฐมนตรีที่ควบคุม และกระจายสินค้าไม่ได้ และนายกรัฐมนตรีที่เอาแต่เกรี้ยวกราดใช่ไหม?