คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
รุก กลางกระดาน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ถามคำถาม 4 ข้อต่อประชาชน
ขณะที่กระทรวงมหาดไทยก็พยายามที่จะเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ส่งคำถาม มาทางเครือข่ายของรัฐ ไม่ว่าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ อำเภอต่างๆ
และจะขยายไปตามจุดเพย์พอยต์ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ
โดยมีเงื่อนไขว่าต้องระบุตัวตนหรือตัวบุคคลให้ชัดเจน ทั้งเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสวมรอย
แม้จำนวนคนที่ออกมาตอบคำถามจะไม่คึกคักมากนัก ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่สะดวกในการตอบคำถาม
รวมทั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำตอบที่ส่งไปจะถูกเอาไปใช้ทำอะไร เพราะไม่มีกฎหมายใดๆรองรับ
อีกทั้งบรรดาผู้นำรัฐบาลก็ยังไม่พูดให้ชัดว่าจะเอาไปทำอะไร
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
แต่ขณะที่การถามคำถามประชาชนดำเนินไป กลับมีเรื่องที่กลับตาลปัตร เมื่อยังมี เจ้าหน้าที่ทหารบุกไปหาผู้ที่แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนักการเมือง และนักวิชาการ
แม้จะมีคำชี้แจงว่าต้องการไปพูดคุยสอบถามเรื่องต่างๆ
แต่ต้องยอมรับว่าการที่มีเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบ ลักษณะเหมือนกองกำลังติดอาวุธ บุกเข้าไปในบ้านที่มีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง หรือกระทั่งลูกหลานอยู่กัน
มันก็น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงอยู่ไม่น้อย!??
และหากย้อนไปดูถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ที่ขอให้สื่อหยุดนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวฝาแฝด เพราะกลัวจะได้รับอันตราย
ก็แสดงให้เห็นว่านายกฯ ย่อมให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง เช่นเดียวกับคนทั่วไปในสังคม
จึงเชื่อได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวนายกฯ ประยุทธ์เองอาจจะไม่รับทราบ แต่ถ้าทราบแล้วก็ต้องสั่งให้ยุติ
เปิดกว้าง แล้วจะรู้ว่าความคิดเห็นที่มีคุณค่าจะหลั่งไหลเข้ามา
โดยไม่ต้องไปตั้งโต๊ะสอบถามกับใครที่ไหนเลยด้วยซ้ำ