คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

สมิงสามผลัด

นับเป็นเรื่องสะเทือนใจอย่างยิ่ง กรณีน.ส.รสรินทร์ เปลี่ยนหล้า หรือเอ ซึ่งตั้งท้อง 6 เดือนเกิดอาการวูบหน้ามืดตรงชานชาลารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ทำให้น.ส.รสรินทร์พลัดตกลงไปในราง

ก่อนถูกรถไฟฟ้าทับจนเสียชีวิต

เหตุเกิดที่สถานีแอร์พอร์ตลิงก์ที่ทับช้าง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา

เรื่องนี้สร้างความสลดหดหู่เป็นอย่างยิ่ง เพราะหญิงสาวคนหนึ่งเพิ่งแต่งงานไม่นาน และกำลังตั้งครรภ์ลูกชาย กำลังมีอนาคต แต่สุดท้ายก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝัน

ทำให้คนในสังคมหันมาให้ความสนใจถึงมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของระบบขนส่งมวลชน

ทั้งนี้ มีคนตั้งข้อสงสัยอย่างกว้างขวาง ว่าทำไมสถานีรถไฟฟ้าถึงไม่มีราวกั้นตรงชานชาลา แบบรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่วน บีทีเอสอยู่ระหว่างกำลังติดตั้งให้ครบ ขณะแอร์พอร์ตลิงก์มีราวกั้นแค่สถานีเดียว

ว่ากันตามจริงแล้ว หากมีราวกั้นได้มาตรฐาน อุบัติเหตุที่สร้างความสูญเสียและสะเทือนใจแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ

อีกทั้งล่าสุดญาติของน.ส.รสรินทร์ ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ที่งานศพที่ อ.เวียงสา จ.น่าน ว่า “วันที่ไปรับศพ ผมได้ไปที่เกิดเหตุเพื่อเชิญวิญญาณกลับบ้าน ก็เห็นว่าที่สถานีมันดูไม่ปลอดภัย ที่สำคัญวันที่เกิดเหตุพบว่าบันไดเลื่อนเสียทำให้น้องเอต้องเดินขึ้นไป 3 ชั้น ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการหน้ามืดขึ้นด้วย ประกอบกับเมื่อไม่มีที่กั้นมันจึงเป็นเหตุสลดขึ้น”

ด้านผู้บริหารบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ระบุเรื่องนี้ว่า เพิ่งได้รับข้อมูลเรื่องบันไดเลื่อนเสีย และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ว่าในวันและเวลาเกิดเหตุบันไดเลื่อนเสียจริงหรือไม่

ส่วนเรื่องราวกั้นชานชาลานั้นอยู่ในขั้นตอนการยื่นประมูล ซึ่งรฟท.จะเร่งรัดติดตั้งราวกั้นให้เสร็จสิ้นภายในปลายปีนี้

เรื่องนี้ถือเป็นความบกพร่องที่ควรนำเป็นบทเรียนในเรื่องมาตรการความปลอดภัยในอนาคต

มิให้เกิดอุบัติเหตุสะเทือนใจขึ้นอีก!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน