คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

รุก กลางกระดาน

ใกล้ถึงบทสรุปแล้ว สำหรับคดีจำนำข้าว ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกยื่นฟ้องด้วยข้อหาปล่อยปละละเลย ให้เกิดความทุจริตและความเสียหายในโครงการจำนำข้าว

เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม

ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และคณะ เป็นจำเลย

เท่ากับว่าทั้งเรื่องการทุจริตและปล่อยปละละเลย ศาลพิจารณาไปพร้อมๆ กันเลยทีเดียว

ซึ่งคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร ขึ้นกับการพิจารณาตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของศาลสถิตยุติธรรม ซึ่งต้องเชื่อมั่นและให้ความเคารพในคำตัดสิน

ไม่มีใครก้าวล่วงได้

แต่มีข้อมูลน่าสนใจ จากคำให้การของนายพศดิษ ดีเย็น อดีตหัวหน้าคลังสินค้า อคส. ที่เบิกความในการสืบพยานครั้งสุดท้าย

เมื่อนายพศดิษยืนยันว่าขั้นตอนการตรวจรับข้าวสู่โครงการรับจำนำเป็นไปตามมาตรฐานและขั้นตอนของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ

อคส.ปฏิบัติตามขั้นตอนและคู่มือเพื่อเก็บรักษาสภาพข้าวไม่ให้เกิดเสียหาย

แต่หลังจากรัฐประหาร กระทรวงพาณิชย์สั่งยกเลิกติดกล้องวงจรปิดที่โกดังเก็บข้าว

เปลี่ยนบุคคลถือกุญแจ ห้ามเปิดโกดังข้าวเพื่อรมยาตามปกติ จึงเป็นเหตุให้ข้าวเสียหาย

อีกทั้งมีการเปลี่ยนเกณฑ์ตรวจคุณภาพข้าว โดยยึดเกณฑ์การส่งออกเป็นตัวชี้วัด ทำให้คุณภาพข้าวไม่ผ่าน

เกิดการขายข้าวคุณภาพดีในราคาข้าวเสื่อมคุณภาพ!??

ถือเป็นข้อมูลที่น่าคิด

ส่วนที่สังคมส่วนใหญ่เป็นห่วงและวิพากษ์วิจารณ์ว่าผลของคดีจะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือไม่

คงต้องย้อนอดีตว่าสังคมไทยก็ผ่านอะไรมาตั้งมากมาย

ไล่ตั้งการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ตามมาด้วยม็อบพันธมิตรฯ ปิดทำเนียบ ปิดสนามบิน เจอข้อหาก่อการร้ายเมื่อปี 2551

จนมาถึงปี 2553 ก็เกิดเหตุฆาตกรรมกลางเมืองหลวงของประเทศ มีคนตายร่วม 100 ศพ

ถัดมาเจออุทกภัยใหญ่ปี 2554 ตามมาด้วยม็อบ กปปส. ที่ถูกข้อหากบฏกันไป ทั่วหน้า

ตามมาด้วยการรัฐประหารอีกครั้ง และรัฐบาลทหารก็ปกครองประเทศมานานกว่า 3 ปี

พัฒนาประเทศมาจนให้ความสำคัญด้านการจัดซื้ออาวุธมากเป็นพิเศษ

ทุกคนก็ยังอยู่กันได้

ดังนั้น ผลจากคดีนี้จะส่งผลอะไร หรือไม่

ก็จะเป็นบทบันทึกทางประวัติศาสตร์ไว้ชั่วลูกชั่วหลาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน