“มันฯมือเสือ”
เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว ที่กองทัพสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย
กรณีนายทหารพลตรี 1 นาย และ จ่าทหาร 4 นาย เข้าไปพัวพันคดีอุ้มนักธุรกิจสายการบิน ไปข่มขู่รีดเงินนับสิบล้านบาท นอกเหนือจากการดำเนินคดีอาญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจ
ในระยะ 1-2 สัปดาห์มานี้ มีทหารเข้าไปพัวพันกับคดีดังๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ หลายต่อหลายคดี
เริ่มจาก “จ่าทหารอากาศ” เมา ชักปืนจ่อนักร้องดัง “ปู พงษ์สิทธิ์” กลางคอนเสิร์ต
ตามด้วย “แก๊งพลตรี” อุ้มรีด
คดี “ร้อยเอก” ตกเป็นผู้ต้องหากักขังหน่วงเหนี่ยว ขณะเดียวกันยังตกเป็น ผู้ต้องสงสัยอุ้มฆ่าผอ.สาวอบต.ศรีสะเกษ
ล่าสุดกรณี “สิบเอก” นอกราชการ รับสารภาพเป็นฆาตกรฆ่าเผาอดีตแฟนสาวเมื่อ 3 ปีก่อน
ทุกคดีที่กล่าวมา ด้านหนึ่ง แม้จะเป็นพฤติกรรม “ส่วนตัว” แต่ด้านหนึ่งก็มีผลกระทบต่อกองทัพอย่างไม่อาจเลี่ยง ตามสำนวน “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง”
ทั้งยังตอกย้ำความจริงว่าในกลุ่มคนทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าทหาร ตำรวจ นักการเมือง ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ สื่อมวลชน ฯลฯ ย่อมมีทั้งคนดี-คนไม่ดี ปนกันอยู่
การที่กองทัพตั้งกรรมการขึ้นมา สอบสวนทางวินัย จึงถูกต้องเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีเจตนาปกป้องคนของตัวเอง
แต่จะดียิ่งไปกว่านี้ หากการสอบสวนจะไม่จำกัดอยู่แค่คดีอาญาทั่วไป
ในทางการเมือง ที่กำลังอื้อฉาว ตอนนี้ กรณีการ “ระบายข้าว” จากโกดังเช่าของรัฐ
ซึ่งมีพิรุธส่อความไม่โปร่งใสในหลายจุดด้วยกันตามที่เป็นข่าวต่อเนื่อง
มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบจริงจัง แต่รัฐบาลทหารยังคงเพิกเฉย
กระทั่งเกิดข่าวแพร่สะพัดมีข้อครหาตามมา
ต่อเรื่องดังกล่าว หากรัฐบาลทหารจะเข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริงให้กระจ่างชัด
ก็จะช่วยลดข้อครหาดังกล่าวลงได้