คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม โดย…มันฯ มือเสือ – ขว้างงูไม่พ้นคอ กรณีเหมืองอัครา
เป็นประเด็นมาตลอดตั้งแต่ยุค คสช. กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. เมื่อปี 59
ใช้อำนาจ ม.44 สั่งระงับกิจการเหมืองทองอัครา
จนบริษัทคิงส์เกตยื่นฟ้องร้องรัฐบาลไทย ปัจจุบันคดีเข้าสู่กระบวน การอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ผลวินิจฉัยคาดว่าจะออกมาราวต้น ปีหน้า
ที่เป็นประเด็นสังคมวิพากษ์วิจารณ์ตอนนี้ เนื่องจากรัฐบาลตั้งงบฯ ปี 64 ไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่อสู้คดีกว่า 111 ล้านบาท
เท่านั้นไม่พอ พบว่าปี 62 รัฐบาลใช้งบฯ 60 ล้าน และปี 63 อีก 218 ล้านไปในกรณีเดียวกัน 3 ปีรวม 389 ล้านบาท
สังคมตั้งคำถามในเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
ทั้งเคยหลุดปากในครม.ว่า “ผมรับผิดชอบเอง”
ที่ตลกคือนักข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์ถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวกลับเฉไฉว่า “เป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน”
พยายามขว้างงูให้พ้นคอ อ้างว่ากรณีเหมืองทองอัคราเป็นปัญหาที่รัฐบาลในอดีตไม่ยอมแก้ รัฐบาลชุดนี้จึงต้องเข้ามาแก้
และที่ว่าตนเองไม่ใช่ ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ นั้น เป็นเรื่องในสมัย คสช. ตอนนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
โต้กลับทีเดียว ประชาชนงงทั้งประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ขยายความว่า คนละเรื่องคนละประเด็นกันยังไง
และที่ว่าเป็นปัญหาที่รัฐบาลก่อนไม่แก้ ก็เพราะเขาเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง คิดทำอะไรต้องรอบคอบรอบด้าน ไม่ให้ผิดข้อตกลงการค้าสากล
ที่สำคัญต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
รัฐบาลจากการเลือกตั้งจริงๆ ไม่ใช่แค่พิธีกรรม เขาไม่ใช้อำนาจแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
เพราะจะกลายเป็นสร้างปัญหาให้ประเทศและประชาชน มากกว่าแก้ปัญหา
ส่วนประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ พยายามบอกว่าสมัย คสช. ตนเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ตอนนี้เป็นแล้วเพราะมาจากการเลือกตั้ง
ฟังแล้วก็ทะแม่งๆ อย่าลืมว่าคำสั่งปิดเหมืองเกิดในสมัยคสช.เป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช.
ไม่ได้เพิ่งมาสั่งปิดในรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้น ข้อแก้ตัวของพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อพาตัวออกเองพ้นจากความรับผิดชอบในกรณีสั่งปิดเหมืองอัครา
จึงฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งปวง
