คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
มองสมานฉันท์ ผ่าน ‘แรมโบ้-ธนกร’ – น่าเห็นใจนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พยายามปลุกปั้นคณะกรรมการสมานฉันท์ขึ้นมาให้เป็นตัวเป็นตน
เพื่อเป็นทางออกหนึ่งจากวิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง
แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีเสียงขานรับจากฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มคนเห็นต่างจากรัฐบาลที่มองว่าสัดส่วนตัวแทนคณะกรรมการจาก 7 ฝ่าย 21 คน ดูแล้วไม่สมดุลกันเสียเท่าไหร่
พูดง่ายๆคือตัวแทนฝ่ายเห็นด้วยกับรัฐบาล มีสัดส่วนจำนวนคนมากกว่าฝ่ายเห็นต่างกับรัฐบาลนั่นเอง
เรื่องจึงมาหยุดอยู่ตรงฝ่ายค้านประกาศ ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นกรรมการ
เช่นเดียวกับกลุ่มม็อบราษฎรที่ไม่ให้ความสำคัญ แกนนำม็อบไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป
เข้าใจว่าเรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้ประธานรัฐสภาพอสมควร ถึงได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ฝ่ายค้านส่งตัวแทนเข้าร่วมก็ยังดี เพื่อให้ภาพคณะกรรมการ มีความสมบูรณ์มากขึ้น แม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม เพราะถึงอย่างไรฝ่ายม็อบราษฎรคงไม่เอาด้วย ตัดทิ้งไปได้เลย
แต่แล้วความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
มีข่าวโควตากรรมการสมานฉันท์ 2 คนในส่วนของรัฐบาล
มีการวางตัว‘แรมโบ้อีสาน’นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กับนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรีเอาไว้แล้ว เตรียมเสนอต่อประธานรัฐสภาในสัปดาห์นี้
ข่าวหลุดออกมาก็เรียกเสียง‘ยี้’ดังทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่รู้รัฐบาลคิดอย่างไร
แต่สิ่งที่สังคมอยากให้ทุกฝ่ายที่ได้รับโควตาตัวแทนเข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ได้ตระหนักก็คือ
ควรใช้สติปัญญาในการคัดเลือกคนที่มีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ทางการเมือง มีบุคลิกประนีประนอมเข้ามาเป็นกรรมการ มากกว่าคนมีประวัติคอยแต่จะสร้างความขัดแย้งมาตลอดไม่ว่าด้วยวาจาหรือการกระทำ
การส่งรายชื่อคนที่มีแนวโน้มสร้างปัญหา แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจของฝ่ายเสนอชื่อ
กรณีการเสนอชื่อ‘สุภรณ์-ธนกร’นั้น ทำให้สังคมมองเห็น ‘ธง’ หรือเจตนาของรัฐบาลได้ชัดเจน
ส่งตัวแทนเข้ามาเพื่อร่วมกันหาทางออกให้ประเทศหรือส่งเข้ามาเพิ่มความขัดแย้งปั่นป่วน
จนการสร้างความสมานฉันท์ ไม่สามารถเดินหน้าได้