คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
วุฒิภาวะการจัดการโควิด – เริ่มต้นปีฉลูที่ดูไม่ฉลุย สำหรับการเข้าสู่ปี 2564 อย่างเป็นทางการ
ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงกระหน่ำซ้ำเติม จนเกือบเข้าขั้นการเอาไม่อยู่รับมือไม่ได้
ศบค.ต้องแถลงออกมาตรการใช้ยาแรงมากขึ้นเพื่อควบคุมเชื้อ
ไม่ว่าจะเป็นการปิดสถานบริการสถานที่ต่างๆ ที่เชื่อว่าเสี่ยงจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อ รวมทั้งการปิดสถานศึกษาต่างๆ
ซึ่งผลกระทบก็ต้องไปตกอยู่กับประชาชนอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบการ แรงงาน ร้านค้าต่างๆ หรือกระทั่งการขาดโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่เหมาะสมของเด็กและเยาวชนต่างๆ
แต่ก็ต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็ระบุว่าจะไม่สามารถควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ลดเหลือปริมาณน้อยได้
อย่างไรก็ตามหากไปดูกลุ่มคลัสเตอร์ที่เป็นตัวแพร่เชื้อ มีทั้งจากตลาดอาหารทะเลที่สมุทรสาคร ที่เกิดจากแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง
ไม่ใช่แค่คน 2 คน แต่หมายถึงปริมาณมหาศาลที่ทะลักเข้ามาในรูปแบบของขบวนการค้ามนุษย์
และกรณีบ่อนการพนันที่เปิดกันโจ๋งครึ่มตามสถานที่ต่างๆ แม้แผนที่ใน กูเกิ้ลยังปักหมุด มีเพียงตำรวจพื้นที่เท่านั้นที่ไม่ทราบการดำรงอยู่
กลายเป็นคำถามว่าใครกันแน่ที่ ‘การ์ดตก’ จนต้องใช้ยาแรง
ที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าไม่ต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มข้น เพียงแต่ในขณะเดียวกับที่ออกมาตรการลิดรอนสิทธิประชาชน ก็ต้องมาพร้อมกับมาตรการเยียวยาจากภาครัฐ
การปล่อยให้แต่ละคนดิ้นรนเอาตัวรอดกันตามมีตามเกิดแบบนี้ ไม่ต้องมีรัฐบาลก็อยู่ได้
ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อชาวบ้านเขาต้องช่วยกันเอง อย่างกลุ่มการ์ด Wevo ที่ไปช่วยขายกุ้ง กลับถูกตำรวจหิ้วขึ้นรถ บานปลายไปเป็นการแลกหมัด ถีบหน้า
ไม่ช่วยเขาแล้วยังซ้ำเติมเสียอีก!??
และหากไม่รู้จริงๆ ว่าจะหาเงินที่ไหนไปช่วยประชาชน ก็ควรเริ่มจากการประหยัดงบประมาณที่ใช้ไปอย่างไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นงบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ หรืองบปรับปรุงห้องน้ำเครื่องบิน แล้วเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
แสดงถึงวุฒิภาวะว่าอะไรควรไม่ควรในเวลานี้!??