คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

ม็อบ 28 กุมภา – กลายเป็นเหตุที่ใช้ความรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่มาชุมนุมขับไล่รัฐบาล สำหรับเหตุการณ์ม็อบ 28 กุมภา ที่นัดหมายกันมาชุมนุมหน้ากรมทหารราบที่ 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักหลวง ของพล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม

ถือเป็นการชุมนุมรูปแบบใหม่ที่ไม่มีแกนนำ มีแค่เจตนารมณ์ร่วมกันคือไม่เอา พล..ประยุทธ์เป็นแรงขับ

น่าเสียใจที่เจ้าหน้าที่เลือกใช้วิธีรุนแรง ทั้งรถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง สาดใส่ผู้ชุมนุมอย่างไม่ลืมหูลืมตา

เพียงเพื่อรักษาพื้นที่หน้าบ้าน นายกฯ ให้สงบราบคาบ

และน่าหดหู่ยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อพล..ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเกิดความรุนแรงขึ้นจริง และพูดจาเสมือนเรื่องปกติที่ตำรวจจะเอาปืนใส่กระสุนยางที่ซื้อจากภาษีอากรไปไล่ยิงประชาชน

โดยอ้างว่าความรุนแรงเกิดขึ้นจากประชาชนก่อน!??

เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเพราะอีกฝ่ายหนึ่งต้องระลึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช่นักเลงหัวไม้ที่มายกพวกตีกันจะได้เอาสะใจเข้าว่า

ที่สำคัญการตอบโต้ขว้างปาสิ่งของของประชาชนก็หาได้จากแถวๆนั้นไม่ได้เตรียมอาวุธที่เป็นชิ้นเป็นอันมาก่อเหตุ

จึงปรากฏเป็นภาพเจ้าหน้าที่ใช้ปืนกระหน่ำยิงกระสุนยางอย่างถี่ยิบเผยแพร่ออกมาทั่วไปหมด

ไม่เพียงแค่นั้นการใช้ความรุนแรงโดยรัฐ นอกจากไม่ช่วยแก้ไขปัญหาแล้ว ยังทำให้เรื่องลุกลามบานปลายมากขึ้น

อย่างที่จะเห็นได้จากการรวมตัวที่สน.ดินแดงหลังการสลายการชุมนุม

หากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นทั่วกทม. หรือทั่วประเทศจะดูแลรับมือกันไหวหรือไม่

จะสั่งยิงด้วยกระสุนยาง จะสั่งจับขังให้หมด แล้วมันจะจบจริงเหรอ!??

ก็เหมือนที่เคยบอกไว้ว่าปราบได้ก็ปกครองไม่ได้

ส่วนในเรื่องของผู้ชุมนุมก็ต้องยอมรับว่าการชุมนุมแบบไร้แกนนำถือว่าอันตรายติดต่อสื่อสารกันยากลำบากต่างคนต่างทำต่างคนต่างคิด

ซึ่งก็ควรทบทวนท่าที เพราะเสี่ยงเหลือเกินกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามกรณีนี้ก็ยืนยันชัดเจนได้อย่างหนึ่งว่าความโกรธ ของประชาชนนั้นเป็นของจริง!!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน