“รุก กลางกระดาน”

เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ สำหรับกรณีที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และสมาชิก คสช. ออกมายอมรับว่า แต่งตั้งลูกสาวให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการประจำ คสช. มีอัตราเงินเดือนเทียบเท่ารองเลขาธิการนายกฯ คิดเป็นจำนวน 47,500 บาท

โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องแต่งตั้งบุคคลที่ไว้วางใจ เพื่อรักษาความลับของคสช.

ถูกสังคมให้ความสนใจและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย

ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อย้อนกลับไปดู 3 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารประเทศของคสช. ในกลุ่มของสนช. ก็มีการแต่งตั้งเครือญาติ ลูกเมีย เข้ามาดำรงตำแหน่งเลขาฯ ผู้ช่วย ไม่ต่ำกว่า 50 คน

แถมบางคนยังรับตำแหน่งทั้งที่อยู่ระหว่างศึกษาอยู่ต่างประเทศ!??

ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีมีลูกหลานของ ผู้บริหารประเทศที่ได้ดิบได้ดีในยุคสมัยเช่นนี้

อาทิ นายวิชญะ เครืองาม ด๊อกเตอร์หนุ่มวัย 35 ลูกชายรองนายกฯวิษณุ ที่มีฉายาติดตัวว่าเนติบริกร ก็ยังได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมายหรือปยป.

โดย “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” ที่เป็นญาติกัน แต่งตั้งเข้ามาเอง

ไม่นับกรณีที่ลูกชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ หัวหน้าคสช. ได้เข้ารับราชการทหาร ติดยศนายร้อย

หรือกรณีที่ลูกชายอีกคนใช้ที่พักบ้านหลวงของกองทัพภาคที่ 3 เป็นที่ตั้งบริษัท แล้วรับงานประมูลของกองทัพ ภาคที่ 3 อย่างต่อเนื่อง

ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่สังคมคลางแคลงใจถึงความเหมาะสมหรือกระทั่งเรื่องธรรมาภิบาล

เพียงแต่โลกยุคคนดีเป็นใหญ่ ก็ยังเงียบกริบ

แน่นอนว่าก็ต้องให้ความเป็นธรรม กรณีที่เครือญาติของผู้มีอำนาจยุคนี้จะเก่งกล้าสามารถมากกว่าบุคคลอื่นๆ ถึงเหมาะสมกับตำแหน่งแห่งหนต่างๆ

ก็เป็นไปได้

และหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องสนับสนุนให้มีลูกมีหลาน มาช่วยทำงานกันอีกเยอะๆ

เพียงแต่อดสงสัยไม่ได้ ว่าหากยังเป็นยุคทักษิณ ชินวัตร ตั้ง “เอม-อุ๊งอิ๊ง” มานั่งเลขาฯกินเงินเดือนหลวง

หรือ “โอ๊ค” ใช้ทำเนียบเป็นที่อยู่บริษัท แล้วรับประมูลงานจากรัฐบาล

คนดีในประเทศนี้จะเงียบขนาดนี้หรือไม่

อยากรู้จริงๆ!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน