“มันฯ มือเสือ”

กรณีฝ่ายการเมืองแสดงความห่วงใยระบบคำนวณส.ส.แบบใหม่

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. บอกว่าเป็นข้อห่วงใยที่ช้าเกินไป เนื่อง จากระบบการคำนวณนี้ ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วนั้น ไม่น่าจะใช่

ความจริงเสียงคัดค้านประเด็นนี้ มีมาตั้งแต่ช่วงยกร่างรัฐธรรมนูญแล้ว

แต่ก็อย่างที่รู้กันว่า เสียงทักท้วงของนักการเมืองยุคนี้ “ด้อยค่า” ขนาดไหน

สิ่งที่นักการเมืองพูดไว้แต่ต้นคือ ระบบใหม่นี้มีเจตนาสกัดกั้น ไม่ให้มีพรรคการเมืองใดได้เสียงถล่มทลายหรือเกินครึ่ง ต้องการให้เสียงกระจายไปยังพรรคเล็กพรรคน้อย หรือพรรคตั้งใหม่

ด้วยวิธีดังกล่าว ผลที่ตามมาคือความยากลำบากถึงขั้นเป็นไปไม่ได้ในการโหวตเลือกนายกฯจาก “คนใน” ที่เป็นส.ส.

ยกเว้นพรรคที่ขัดแย้งกันจะรวมกันได้ ซึ่งก็ยากอีก

และนั่นหมายถึงการเปิดทางให้ “คนนอก” ที่ไม่ได้เป็นส.ส.เข้ามาเป็น นายกฯ ตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้

ทั้งหมดคือหมากที่วางไว้ตั้งแต่ 3-4 ปีก่อน

แต่ถามว่ามีช่องโหว่หรือไม่ คำตอบก็คือ มี

หากว่าบางพรรคคิดวิธีรับมือสูตร คำนวณส.ส.ใหม่นี้ไว้แล้ว โดยแตกตัวออกเป็นพรรคแม่กับพรรคสาขา แยกกันเดินแล้วไปรวมกันตี ภายหลัง

ซึ่งอาจทำไห้ได้ส.ส.เกินครึ่ง 250

จริงอยู่ที่จำนวนไม่พอต่อการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว เพราะนายกฯต้องได้รับเสียงหนุนจากสมาชิกรัฐสภา 375 เสียง และแน่นอน ย่อมเป็น “คนนอก” ที่กำหนดไว้แล้วเช่นกัน

แต่เมื่อถึงจุดนั้นจะกลายเป็นว่า เกิดฝ่ายค้านที่มีเสียงส.ส.มากกว่าฝ่ายรัฐบาล

สรุปก็คือ ด้วยระบบการคำนวณ ส.ส.แบบใหม่ “หนึ่งเดียวในโลก”

จะทำให้ประเทศไทยมี “คนนอก” เป็นนายกฯ จัดตั้งรัฐบาลได้

แต่จะไร้เสถียรภาพ เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เสนอกฎหมายสำคัญไม่ได้ บริหารประเทศไม่ได้

ถูกยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่

ก็จบเห่เมื่อนั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน