“รุก กลางกระดาน”
ยังคงสร้างความกังวลให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศ
สำหรับวาทกรรมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่แสดงวิสัยทัศน์เรื่องให้คนไทยหายจนหมดประเทศในปี 2561
ไม่ใช่เพราะอิจฉา หรือไม่เอาใจช่วยรองนายกฯสมคิด
เพราะใครๆ ก็อยากให้ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชนลืมตาอ้าปาก ล้วงไปในกระเป๋าก็เจอเงินเจอทอง ใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ
ไม่ใช่ในอารมณ์ที่รัฐบาลแถลงฉอดๆว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ตัวเลขนั้นนี้พุ่งสูง บริษัทยักษ์ใหญ่คึกคัก
เมื่อตัดภาพชาวบ้านไม่มีเงินสักบาทร้านรวงในตลาดก็มีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ
แต่ที่เป็นห่วงเป็นใยก็เพราะแนวทางที่ท่านรองนายกฯเสนอพิจารณาหาทางให้นำเงินสะสมของอปท. ที่มีอยู่ 2 แสนล้านบาทเอามาใช้จ่าย
เพราะเงินสะสมของอปท. ไม่ใช่เงินที่จะเอามาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่มีไว้เพื่อสำรองคงคลัง เพื่อคงสภาพคล่องของอปท.นั้นๆ เป็นหลักประกันว่าจะไม่ล้มละลาย
และไม่กระทบต่อภาระหน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนข้าราชการ เงินสงเคราะห์คนชรา
หากเอาเงินส่วนนี้ไปใช้ ก็เท่ากับว่าเป็นการใช้เงินผิดประเภท
ที่สำคัญก่อนหน้านี้รัฐบาลก็อัดฉีดเงินสู่ชุมชน ในโครงการตำบลละ 5 ล้านบาทนั้นได้ข้อสรุป ประเมินว่ามีผลสำเร็จมากน้อยเพียงใดบ้างหรือยัง
การใช้เงินสุจริตโปร่งใสกันขนาดไหน?
นอกจากนี้ยังมีเสียงสะท้อนจากอปท.ที่ระบุว่าเรื่องงบประมาณที่จะทำโครงการต่างๆ ให้เกิดการหมุนเวียนของเงิน เขามีอยู่แล้ว
แต่ติดขัดที่หน่วยงานตรวจสอบเกี่ยวกับการเงิน ที่จ้องจับผิดกันอยู่ตลอด
โดยใช้คาถาคำว่า “ไม่คุ้มค่า” มาตีตราจนอปท.แทบไม่อยากจะรับผิดชอบ หรือเสนอโครงการอะไรขึ้นใหม่
ปล่อยเกียร์ว่าง รอรับเงินเดือนชิลๆ กันดีกว่า
ดังนั้นหากรองนายกฯรับรู้แล้วว่าอะไรคืออุปสรรคของการขยายเศรษฐกิจชุมชน
ก็ควรจะแก้ให้ตรงจุด
ไมใช่คิด อะไรไม่ออก ก็เอาเงิน เก็บชาวบ้านมาละลายน้ำเล่น
คนอื่นเขาคงไม่สนุกด้วยหรอก จริงไหม