ให้มีชีวิตที่ยืนยาว : ทิ้งหมัดเข้ามุม

เป็นเรื่องที่น่าห่วงจริงๆ สำหรับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่งผ่านการพิจารณาของรัฐสภา

ที่สรุปแล้วผ่านขั้นรับหลักการเพียงร่างเดียว จาก 13 ร่างที่เสนอเข้ามา ซึ่งมีเนื้อหาเพียงแค่การปรับเปลี่ยนระบบการเลือกตั้ง จากการใช้บัตรใบเดียวมาเป็นบัตร 2 ใบเท่านั้น

ไม่มีประเด็นเรื่องการจำกัดอำนาจส.ว. โดยเฉพาะเรื่องของการใช้อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ที่บทเฉพาะกาลกำหนดไว้ใน 5 ปีแรก

ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดเกิดจากบรรดาเหล่าส.ว. ที่เสียงส่วนใหญ่ไม่ยอมปิดสวิตช์ตัวเอง

แม้จะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องกรณีนี้ แต่ที่น่าห่วงก็คือผลการพิจารณาครั้งนี้จะส่งผลต่อการเมืองในภาพใหญ่อย่างไร

เพราะต้องเข้าใจด้วยว่าส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น ก็เกิดจากที่เสียงของประชาชนที่แสดงออกไม่ได้รับการตอบรับอย่างตรงไปตรงมา

อย่างการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่พรรคเพื่อไทยชนะได้ส.ส.อันดับหนึ่ง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้กับกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และจำนวนส.ว.ที่เป็นหลักประกัน ทำให้สามารถกวาดต้อนเสียงส.ส.เข้าไปเป็นพวก

หากปล่อยทิ้งไว้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เหตุการณ์เหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นซ้ำอีกอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นหากรัฐบาลที่ได้มาจากวิธีเหล่านี้ มีความสามารถฉกาจฉกรรจ์ ก็อาจจะดึงแนวร่วม ช่วยไม่ให้ความขัดแย้งปะทุขึ้นได้

แต่ที่ผ่านมาก็เห็นชัดกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น 5 ปีแรก หรือ 2 ปีหลังที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างไร

ในช่วงภาวะปกติก็ต้องอดทนอดกลั้นกันมาก พอมาเจอภาวะวิกฤตโควิดก็ยิ่งไปกันใหญ่

จึงต้องระวังด้วยว่าแม้ประชาชนคนไทยจะมีความอดทน แต่ทุกอย่างก็มีขีดจำกัด ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่นอนหากระเบิดออกมาจริงๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้มีอำนาจในเวลานี้ไม่รับฟัง หรือไม่ตระหนักรู้ ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

ได้แต่ภาวนาเหมือนที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ขอให้มีชีวิตยืนยาวเพื่อจะได้ดูความเปลี่ยนแปลงทั้งหมด

ซึ่งก็คงไม่ยากเท่าใดนัก เพราะเขามักพูดกันว่าคนดีอายุไม่ยืนยาว

ก็คงจะพออยู่ได้นานโขเหมือนกัน!??

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน