ประชาชนรับกรรม – ยากลำบากจริงๆ สำหรับการพยายามมีชีวิตอยู่ ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดโควิด-19
เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ลดลง แถมทะยานขึ้นแตะหลัก 5 พัน ขณะที่ผู้เสียชีวิตก็เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน
และยิ่งหนักขึ้นไปอีกเมื่อเจอการบริหารสถานการณ์วิกฤตแบบลักปิดลักเปิด ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลายคนก็เหน็ดเหนื่อยที่จะวิพากษ์วิจารณ์ หรือบางคนอับอายแทน แต่เมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ก็จำเป็นจะต้องพร่ำบอกความผิดพลาดกันต่อไปเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการควบคุมการระบาด ดังจะเห็นได้ว่าการระบาดระลอก 3 เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนสงกรานต์ แต่ก็ไม่มีการขยับใดๆ ปล่อยให้เกิดการเดินทางไปต่างจังหวัดจนกลายเป็นระบาดใหญ่
พอเริ่มมีปัญหาก็สั่งปิดนั่นปิดนี่ทั้งร้านอาหาร โรงเรียน สถานประกอบการต่างๆ
ต้นมิ.ย. ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ลดลง กลับจะคลายล็อก คุยโวเปิดประเทศใน 120 วัน
ผ่านไปไม่กี่วันก็ต้องล็อกดาวน์แคมป์คนงานในกทม.และปริมณฑล
แต่ก็ทำแบบน่าอัศจรรย์ ประกาศวันศุกร์ ให้มีผลวันจันทร์ ราวกับกลัวแรงงานไม่ออกจากแคมป์ ไม่ไปแพร่เชื้อที่อื่น
พอตี 1 วันเสาร์ ก็ออกประกาศลักหลับ ล็อกร้านอาหารห้ามนั่งกิน ขายกลับบ้านอย่างเดียว
เสียงสะท้อนดังลั่นว่าเหมือนเด็กเล่นขายของ!??
จริงๆ แล้วชาวบ้านร้านตลาดเขาก็พอจะเข้าใจถึงความจำเป็น แต่ก็ควรจะบอกกล่าวล่วงหน้าด้วยความจริงใจ
ไม่ใช่แถลงข่าวหัวร่อต่อกระซิก ทำเหมือนไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน ไม่บอกความจริงให้หมด จู่ๆ ก็ประกาศตูม มันก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้นต้องรู้เสียทีว่าปัญหาหลักก็คือ การขาดวัคซีนที่มีคุณภาพ
ดังที่เห็นแล้วว่าหมอ-พยาบาลที่ฉีดซิโนแวค ก็ติดโควิดกันเกลื่อน ชี้ชัดว่าไม่ได้กันติด ส่วนจะกันตายอย่างที่บอกหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ที่แน่ๆ ซิโนแวค ไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์กลับเป็นปกติ ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นได้
ที่น่าแปลกใจก็คือยังจะตะบี้ตะบันสั่งซื้อกันเข้ามาอยู่ได้
จ่ายแพงแล้วได้ของดีก็ว่าไปอย่าง แต่นี่จ่ายแพง แต่ได้ของมีปัญหาคุณภาพ ถ้าไม่เบาปัญญาก็อดคิดไม่ได้ว่ามีวาระซ่อนเร้น?
สุดท้ายคนรับกรรมก็คือประชาชนนั่นเอง!!
รุก กลางกระดาน