“รุก กลางกระดาน”

น่าสนใจอย่างยิ่ง สำหรับ ครม.สัญจรล่องใต้ ครั้งแรกในรอบ 3 ปี ของ รัฐบาลบิ๊กตู่ ที่จ.สงขลา

แทนที่จะได้รับการกล่าวขวัญถึงการใช้งบประมาณพัฒนาพื้นที่ นำมาสู่เสียงชื่นชม จากท้องถิ่นนั้นๆ

กลับถูกกล่าวขวัญถึงวุฒิภาวะ และการใช้อำนาจของรัฐบาลทหารแทน

ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่นายกฯ ไปว้ากใส่ชาวประมงปัตตานี ที่บากหน้ามายื่นหนังสือ ร้องเรียนขอความช่วยเหลือ

แม้ท่านนายกฯ จะอ้างว่าเป็นเพราะไมโครโฟน

แต่เมื่อย้อนกลับไปดูคลิปวิดีโอเหตุการณ์ คนที่มีสติสัมปชัญญะทั่วไปก็พอจะรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร

ไม่ใช่แค่เรื่องเดียว ราวกับต้องมนต์สะกด หรือเมาหมัด ยังคงมีกรณีที่ เจ้าหน้าที่รัฐ ใช้กำลังสกัดจนปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่เดินเท้าฝ่าฝนมาเป็นเวลา 3 วัน

โดยมีเจตนารมณ์เพื่อปกป้องทรัพยากร ธรรมชาติของบ้านเกิดตัวเอง

แทนที่จะได้รับเจียดเวลา ยื่นหนังสือบอกกล่าวความเดือดร้อนทุกข์ยาก สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการถูกจับกุมคุมขัง

หนำซ้ำแกนนำอีกคนคือ นายมุสตา ซีดีน วาบา หรือ แบมุส ที่ภาพถ่ายยืนยันชัดเจนว่าถูกจนท.ล็อกแขนเมื่อวันที่ 27 พ.ย. กลับหายตัวไป จนครอบครัวต้องประกาศตามหา

ท่านโฆษกรัฐบาลก็ออกมายืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ควบคุมตัว

แต่คงยังไม่สาแก่ใจ จึงต้องยกตัวอย่างกรณีอื่น ที่คนหายแล้วข้อเท็จจริงปรากฏว่าไปกับกิ๊ก

แม้จะชี้แจงพัลวันว่าไม่ได้กล่าวหาให้ร้าย วิญญูชนที่ฟังก็พอจะรู้ซึ้งถึงเจตนา

ส่งผลให้ครอบครัวของแบมุส และ ชาวบ้านในพื้นที่เจ็บแค้นเคืองใจ

ไม่ทราบว่าเป็นนโยบายของนายกฯ หรือไม่ แต่ก็ประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งยวด

หากปล่อยให้เป็นอย่างงี้ ต่อให้ใช้แมสคอตพ่อน้องเกี่ยวก้อยมาโปรโมตก็ยากจะเดินไปสู่ความปรองดอง

ถือเป็นบทเรียนที่ไปสนับสนุนกลุ่มที่ลิดรอนสิทธิประชาชน

ถ้ามีโอกาสครั้งใหม่ อย่าก้าวซ้ำรอยเดิมอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน