ทิ้งหมัดเข้ามุม-เปิดบัญชีบิ๊กตู่ เบรกคำสั่งคุมสื่อ

มีข่าวจริง ไม่ใช่เฟกนิวส์ 2 เรื่องเกี่ยวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เรื่องแรก สำนักคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ หรือ สขร. พิจารณากรณีมีผู้ยื่นคำร้องขอตรวจบัญชีทรัพย์สินพล.อ.ประยุทธ์ กับนายวิษณุ เครืองาม กรณีเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองปี 62

โดยให้ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของทั้ง 2 คนให้ผู้ร้องเข้าตรวจดูได้

เพื่อความโปร่งใสตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย ป้องกันปัญหาทุจริตและการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวมที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ รวมทั้งประกาศป.ป.ช.เอง

ต้องรอดูป.ป.ช.จะว่าอย่างไร แต่การโต้แย้งไม่ทำตามความเห็น สขร. อาจจะยิ่งแสดงพิรุธ ทำให้สังคมคาใจมากขึ้นทั้งกับป.ป.ช.และเจ้าของบัญชีทรัพย์สินทั้ง 2 คน

อีกเรื่อง ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามบังคับใช้ข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 29 เป็นการชั่วคราว เนื่องจากข้อความในข้อกำหนดมีลักษณะไม่แน่ชัดและขอบเขตกว้าง

เป็นการลิดรอนและจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชนเกินกว่าเหตุ

ไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติของพนักงาน เจ้าหน้าที่ รวมถึงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้ให้อำนาจนายกฯ ออกข้อกำหนดให้ดำเนินการระงับการให้บริการอินเตอร์เน็ต จึงถือเป็นข้อกำหนดไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ข้อกำหนดนี้ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่ามุ่งลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชน

โดยเฉพาะในสถานการณ์โรคระบาด ประชาชนควรได้รับรายงานข้อมูลข่าวสารตามความเป็นจริง เพื่อสร้างความรับรู้ นำไปสู่การรับมือปัญหาและสะท้อนความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน

หากเป็นเฟกนิวส์ ฝ่ายรัฐก็มีกฎหมายปกติที่จะเอาผิดกับผู้เผยแพร่ได้อยู่แล้ว

ผลพวงจากคำสั่งศาลแพ่ง ทำให้ฝ่ายรัฐยังไม่สามารถใช้ข้อบังคับดังกล่าวนี้ได้ จนกว่าศาลจะพิจารณาขั้นสุดท้ายถึงที่สุด ว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นหรือไม่อย่างไร ก็ต้องรอดูอีกที

คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับผู้นำ เจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานรัฐบาล ในการออกคำสั่งหรือใช้อำนาจที่อาจละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชน ขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย

ที่เกินเลยจนสังคมไม่อาจยอมรับได้

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน