ศึกนอกไม่สำคัญเท่ากับศึกภายใน? – พรรคฝ่ายค้านกำหนดโรดแม็ป อภิปรายไม่ไว้วางใจ
ใช้เวลา 33 ชั่วโมง หรือกว่า 80% จากที่ได้รับมา 40 ชั่วโมง
ในการอภิปรายจัดหนักจัดเต็มพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข
ส่วนรัฐมนตรีอีก 4 คนจะใช้เวลา 7 ชั่วโมงที่เหลือ ตกคนละประมาณ ชั่วโมงเศษ
นั่นเท่ากับว่า 3 วันแรก อังคาร พุธ พฤหัสฯ จะเป็นคิว “ประยุทธ์-อนุทิน” สองคนรับไปเต็มๆ สำหรับ 4 รัฐมนตรีจะถูกมัดรวบตึงในวันศุกร์ ก่อนจะไปลุ้นผลคะแนนโหวตทั้งหมดวันเสาร์ 4 ก.ย.
หากดูรายชื่อ 6 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายบางคนมีสิทธิ์ลุ้นเหงื่อตก
มีเปอร์เซ็นต์สูงที่อาจไม่ได้รับ ความไว้วางใจหรือได้รับความไว้วางใจน้อยกว่าคนอื่น
ไม่ว่าด้วยสาเหตุผลงานที่ผ่านมา ไม่เข้าตา ไม่ว่าด้วยสาเหตุความขัดแย้งกันเองภายในพรรคแกนนำรัฐบาล หรือด้วยความบาดหมางไม่ลงรอยระหว่างพรรคแกนนำกับพรรคร่วม ที่ปรากฏร่องรอยให้เห็นบ่อยๆ อาจมีการเช็กบิลสะสาง
ต้องจับตาส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ เคยโหวตสวนมติพรรคพลังประชารัฐเมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งก่อนในกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาฯ พรรคภูมิใจไทย ครั้งนี้จะตอกย้ำซ้ำรอยหรือไม่
ส่วนภายในพรรคพลังประชารัฐ เหตุการณ์ เมื่อ 30 ส.ค. ที่แกนนำพรรค รัฐมนตรี ส.ส.และสมาชิกพรรครวม 30-40 คนตบเท้าเข้าพบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ
เพื่อระบายความในใจบางประการ เกี่ยวกับความรู้สึกของส.ส.มีต่อพล.อ. ประยุทธ์
แม้บิ๊กป้อมพยายามจะสมานความรู้สึก ปลอบใจลูกพรรค ก็ต้องรอดูจะมีผลต่อคะแนนโหวตไว้วางใจหรือไม่อย่างไร
ต้องไม่ลืมว่าครั้งก่อนพล.อ.ประยุทธ์ได้คะแนนไว้วางใจน้อยกว่าบิ๊กป้อม หรือกระทั่งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เสียด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือรัฐมนตรี 2 ใน 6 คนที่มีชื่อถูกอภิปราย ได้รับการเสนอมาจาก “คนใน” พลังประชารัฐที่ชงให้พรรคฝ่ายค้าน
สอดรับกันพอดีกับกระแสเคลื่อน ไหวคนในพรรคพลังประชารัฐกดดันให้มีการปรับ ครม.หลังศึกซักฟอก
โดยมีเป้าอยู่ที่ 3 รัฐมนตรีว่าการ
เพื่อเปิดทางให้ “รัฐมนตรีช่วย” บางกลุ่มขยับขึ้นเป็น “รัฐมนตรีว่าการ” แทน
หลังยึดอำนาจในพรรคสำเร็จมาแล้วก่อนหน้านี้
มันฯ มือเสือ