ผลสะเทือนบิ๊กตู่ หลังศึกอภิปราย : ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…มันฯ มือเสือ
ปากบอกไม่สนใจคะแนนโหวตไว้วางใจจะได้มากได้น้อย
ผ่านคือผ่าน ผ่านคือจบ
แต่ก็น่าจะเแค่ปลอบใจตัวเอง เพราะหากว่ากันตามจริงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กลับได้คะแนนไว้วางใจรองบ๊วย 264 คะแนน เฉือนชนะนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน แค่ 1 คะแนน
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้คะแนนไม่ไว้วางใจถึง 208 คะแนน สูงเป็นอันดับ 1 จากรัฐมนตรีผู้ถูกอภิปราย 6 คน
เป็นเรื่องปกติหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้ง สังคมจับตาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรภายในรัฐบาลหรือไม่
ทั้งในแง่ปรับเปลี่ยนวิธีบริหารงานแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามที่ฝ่ายค้านอภิปรายชี้จุดผิดพลาดบกพร่องเอาไว้
ทั้งในแง่ปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีหรือปรับครม. โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายแล้วตอบคำถามฝ่ายค้านไม่ได้ หรือประเภทถามวัวตอบควาย ที่จะต้องได้รับการพิจารณาเปลี่ยนออกเป็นอันดับต้นๆ
ส่วนเรื่องนายกฯ ลาออกหรือยุบสภา ลำพังแค่เสียงในสภา เลิกคิดได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์พูดชัด ผ่านคือผ่าน ผ่าน คือจบ
โนสน โนแคร์ว่าผ่านมากผ่านน้อย ผ่านฉลุยหรือผ่านกระเสือกกระสนดิ้นรนวุ่นวายอยู่บนชั้น 3 กับกระเป๋าเอกสาร กว่าจะเอาตัวรอดได้
กลับไปที่ปรับครม. ถ้าวัดจากผลโหวตทื่อๆ ก็คงยาก และน่าพะอืดพะอมพอสมควรสำหรับนายกฯ ผู้มีอำนาจปรับครม.เพียงผู้เดียว แต่ตัวเองกลับได้คะแนนรองบ๊วย ถ้าจะปรับก็ต้องปรับตัวเองออกด้วย
ยกเว้นเสียแต่ว่ายังมีเงื่อนไขต่อรองพิเศษอื่น ที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลเป็นจริงขึ้นมาได้
หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้พล.อ. ประยุทธ์ต้องปรับตัวเองขนานใหญ่ หลังได้รับบทเรียนสำคัญในชีวิตการเป็นนักการเมืองในช่วงศึกอภิปรายเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่านอกจากฝ่ายค้านในสภาและม็อบนอกสภา
คนในรัฐบาลกลับอันตรายยิ่งกว่า
คะแนนไว้วางใจที่ได้มาไม่ว่ามากหรือน้อย ส่วนหนึ่งได้มาเพราะกระเป๋าเอกสารบนชั้น 3 แต่ที่มีส่วนสำคัญมากสุดคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ ก่อนหน้าสภาลงมติ 1 วัน
เป็นตัวบ่งบอกใครคือผู้มากบารมี ตัวจริงในรัฐบาล ใครคือผู้กุมชะตานายกฯ
บทเรียนนี้จะลดทอนความโอหังคลั่งอำนาจของบางคนลงไปได้เยอะทีเดียว