คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…รุก กลางกระดาน
ปรับครม.ฝุ่นตลบ!! – ไม่จบง่ายๆ แน่นอน สำหรับแรงสั่นสะเทือนจากการอภิปราย ไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา
แม้ตัวนายกฯ และ 5 รัฐมนตรีที่ ถูกขึ้นเขียง จะได้รับคะแนนโหวตรอดพ้นการไม่ไว้วางใจมาได้ทั้งหมด
ส่วนจะเกิดจากการชี้แจงข้อมูล ได้ชัดเจน หรืออภินิหารที่ชั้น 3 ของอาคารรัฐสภา ทั้งคนที่ทำและคนที่ร่วม ต่างรู้แน่แก่ใจกันเป็นอย่างดี
ไม่ต้องบรรยายซ้ำแต่อย่างใด
และที่ต้องจับตาดูจากนี้ก็คือความเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องการปรับครม. โดยเฉพาะในพรรคพลังประชารัฐด้วยกันเอง
ซึ่งต้องวัดใจนายกฯ ว่าจุดประสงค์ครั้งนี้เพื่ออะไร
จะกวาดล้างถอนรากถอนโคน กลุ่มที่เป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องพุ่งเป้าไปที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ซึ่งย่อมหมายถึงตำแหน่งเลขาธิการพปชร.ด้วย
หรือจะเข้าใจเหตุผลข้อเรียกร้องที่ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ต้องออกมาพูดแทนส.ส.ทุกคน เรื่องที่รัฐมนตรีของพรรค ไม่มีตำแหน่งแห่งหน ไม่สามารถสร้างผลงาน จนชนะใจประชาชนไม่ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องปรับครม. เพิ่มเก้าอี้ที่มีศักยภาพให้กลุ่มก้อนของ ร.อ.ธรรมนัสได้โชว์ฝีมือ และแน่นอนว่าเป้าหมายที่แท้จริงก็ยังพุ่งไปที่เก้าอี้รมว.มหาดไทย ของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่ป๊อกของน้องตู่
แล้วจะหักหาญกันได้อย่างไร!??
หาไม่แล้วก็ต้องสำรวจเก้าอี้รัฐมนตรีอื่นที่เหมาะสม ซึ่งก็ยากเต็มทนเพราะ ที่ดีๆ ก็ประเคนให้พรรคร่วมไปหมดแล้ว เหลือๆ อยู่ นายกฯ ก็เก็บไว้โควตากลาง
จะไปแตะของกลุ่มสามมิตรอย่างอุตสาหกรรม ยุติธรรม ก็ยากยิ่งที่ จะยอม
โฟกัสจึงไปอยู่ที่กระทรวงศึกษาฯ แรงงาน และดีอีเอส อย่างที่เป็นข่าว
ก็ต้องวัดใจกันอีก เพราะอย่าง ศธ.-ดีอีเอส ก็เพิ่งเข้ามาทำงาน
จะพุ่งเป้าไปที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น ก็เป็นมือทำงานตอบสนองนายกฯ ทุกเรื่องทุกคำสั่ง
จะปลดออกริบเก้าอี้ ก็อาจมีข้อครหาว่าสุดท้ายผลของคนทำงานก็ แพ้ภัยการเมือง
เลือกยากจริงๆ
แถมนอกสภาก็ยังมะรุมมะตุ้มรุมไล่กันเหยงๆ ไม่นับปัญหาโควิดที่รุมเร้า
มีแต่เรื่องปวดหัว จนอดคิดไม่ได้ว่าแม้จะผ่านศึกซักฟอกมาได้ แต่อายุรัฐบาลก็ไม่ได้อยู่อีกยาว
จะลากไปได้ถึงไหน คงต้องรอดูกัน!!