ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…รุก กลางกระดาน
ตร.กับม็อบดินแดง
เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง สำหรับมาตรการที่เพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในการจัดการผู้ชุมนุมทะลุแก๊สที่แยกดินแดง
แม้นายตำรวจระดับสูง และบรรดาโฆษกทั้งหลายจะยืนยันว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายปกติ แต่ภาพและคลิปที่ถูกนำเสนอออกมาล้วนสวนทาง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีชุดเคลื่อนที่เร็วขับปิกอัพไล่ล่า การสาดกระสุนยางใส่ไม่ยั้ง ยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในเคหสถานของประชาชน ปฏิบัติการไล่ล่าจับกุม หรือที่ล่าสุดเป็นคลิปรถตำรวจพุ่งชนผู้ชุมนุม
และแม้จะกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะความกลัวไม่ปลอดภัยเพราะถูกรุมทำร้าย แต่ก็สร้างข้อกังขาให้สังคมอย่างยิ่ง
และน่าเป็นห่วงว่าความน่าเชื่อถือขององค์กรตำรวจจะลดลงเรื่อยๆ
ย้อนกลับไปให้คิดถึงเหตุการณ์หลังพฤษภา 2535 ที่หน่วยงานทหารก็ประสบกับวิกฤตศรัทธา เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชน
ครั้งนั้นทหารลงมือเอง เพราะตำรวจไม่ดำเนินการ ส่งผลให้รับผลกระทบไปเต็มๆ
หากยังจำกันได้ก็จะรู้ว่าขนาดเครื่องแบบยังไม่กล้าใส่ออกที่สาธารณะมันเจ็บช้ำขนาดไหน
มาวันนี้ทหารไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพราะตำรวจทำให้หมดสิ้น
จึงกลายเป็นคำถามว่าสิ่งที่ทำลงไปมันคุ้มค่ากับที่ได้มาบ้างหรือไม่!??
ไม่เพียงแค่นั้น นอกจากเรื่องความเชื่อมั่นขององค์กรที่ลดต่ำลง ควรอย่างยิ่งที่จะต้องทบทวนว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้แก้ปัญหาได้จริงหรือไม่
ทบทวนดูซิว่าเกือบ 2 ปีที่ผ่านมามีคนถูกดำเนินคดีเพราะการชุมนุม ทั้งข้อหาปกติ ไปจนถึงมาตรา 112 บางคนไม่ได้ประกัน พอได้ประกันก็ออกมาเคลื่อนไหวต่อ
มันฝ่อลงไป มันแก้ปัญหาได้หรือไม่
ทุกอย่างพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันเป็นเรื่องของการเมือง ที่ต้องใช้การเมืองแก้ปัญหา
รัฐบาลนั่นแหละคือคู่กรณี คือผู้ที่คนรุ่นใหม่เรียกร้องเปลี่ยนแปลง
จึงต้องถามไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลว่า เมื่อไหร่จะคิดแก้ปัญหานี้ หาทางออกที่ดีที่เหมาะสมกับเยาวชนคนรุ่นใหม่
ไม่ใช่ปล่อยให้ตำรวจไปเป็นคู่ขัดแย้งกับเด็กเช่นนี้!??
แถมต้องมาเหน็ดเหนื่อยบนสามเหลี่ยมดินแดง ไม่เป็นอันต้องไปดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ประชาชน
นับเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทบทวน ก่อนจะเสียหายมากไปกว่านี้!!!